King of Performance Prime Energy
นวัตกรรม เพื่อการประหยัดน้ำมัน และประสิทธิภาพสูงสุดในการประหยัดน้ำมัน เพื่อเพิ่มกำลังไฟสูงสุดให้กับอุปกรณ์กำเนิดไฟฟ้าของรถยนต์ ปรับแต่ง กระแสไฟรถยนต์ ให้ราบเรียบ แรงดันสม่ำเสมอ ทำให้รถยนต์ของคุณ สตาร์ทติดง่าย ระบบไฟส่องสว่าง ทำงานสมบูรณ์ เพิ่มประสิทธิภาพให้กับชุดอำนวยความสะดวกภายในรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็น แอร์ วิทยุ เครื่องเสียง เครื่องเล่น การชาร์จโทรศัพท์มือถือ
อุปกรณ์ชิ้นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับรถยนต์ขนาดกลางและขนาดเล็ก เครื่องยนต์ตั้งแต่ 2,000 – 8,000 CC เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานที่สมบูรณ์แบบ รถยนต์ของท่าน โดยปกติ แบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์ จะใช้งานได้ประโยชน์สูงสุด เมื่อกำลังไฟอยู่ที่ช่อง 11 - 13โวลต์ แต่เนื่องจากแบตเตอรี่รถยนต์ ออกแบบมาเพื่อให้ใช้กับอุปกรณ์หลักของรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็น ไฟส่องสว่าง อุปกรณ์ไฟ หน้าปัด แอร์ วิทยุ เครื่องเสียง ซึ่งถือเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่มีมาในรถยนต์ส่วนใหญ่
แต่ปัจจุบัน เนื่องจากรถยนต์เป็นพาหนะหลัก ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางในชีวิตประจำวัน เช่นนั้น รถยนต์ จึงเปรียบเสมือหนึ่ง บ้านหลังที่ 2 ที่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ พกพาไว้ในระว่างการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น ปัจจัยหลัก โทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊ก ทีวี ดาวเทียม เครื่องเล่นเกม หรือเครื่องเสียงคุณภาพสูงภายใต้ยี่ห้อที่มีชื่อสียง เป็นต้น
แบตเตอรี่รถยนต์ ทำหน้าที่ ป้อนกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ต่างๆ ของเครื่องยนต์ เพื่อให้ทำงานได้ เช่น มอเตอร์สตาร์ท ระบบจุดระเบิด ในขณะที่สตาร์ทรถยนต์ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ป้อนพลังงานให้กับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลายๆอย่างด้วย เช่น ระบบไฟส่องสว่าง วิทยุ เป็นต้น แบตเตอรี่รถยนต์ ไม่ใช่แหล่งผลิตกระแสไฟฟ้า แต่เป็นแหล่งเก็บไฟฟ้าสำรอง เมื่อใดก็ตามที่ไดชาร์จ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้า ไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ทัน เช่น การขับขี่ในตอนกลางคืน ใช้ระบบไฟเยอะกว่าปกติ จะดึงไฟจากแบตเตอรี่มาใช้ ขณะเดียวกัน ถ้าไดชาร์จทำงานได้ดีขึ้น หรือ หมุนเร็วขึ้น จะมีกระแสไฟฟ้าเหลือจากการใช้งาน
กระแสไฟฟ้าที่เหลือ จะถูกส่งกลับเข้าไปยังแหล่งเก็บไฟฟ้าสำรอง (แบตเตอรี่) จนกว่าจะเต็มแบตเตอรี่จะถูกจ่ายไฟออกอย่างเดียว เฉพาะตอนสตาร์ทเครื่องยนต์เท่านั้น เพื่อส่งกระแสไฟฟ้าเข้าสู่มอเตอร์สตาร์ท และ ระบบต่างๆ ของเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์สตาร์ทติดพร้อมที่ทำงานแล้ว ไดชาร์จก็จะทำหน้าที่ประจุไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง นั่นก็หมายความว่า กระแสไฟฟ้าจะถูกจ่ายออก และถูกประจุเพิ่มเข้าไป หมุนเวียนเข้า – ออกแบตเตอรี่อยู่เสมอ ไม่ได้จ่ายออกไปจนหมดอย่างเดียว หมายความว่า แบตเตอรี่จะหมดได้ก็มีอยู่เพียง 2 กรณี นั่นก็คือ 1. เก็บไฟไม่อยู่ หรือ หมดอายุการใช้งาน 2. ไดร์ชาร์จ ทำงานผิดปกติ หรือ บกพร่อง ซึ่งทำให้ประจุไฟ เข้าไปยังแบตเตอรี่รถยนต์ได้น้อยมาก ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน หรือ ไม่สามารถประจุไฟ เข้าไปได้เลย
โดยปกติ แบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์ จะใช้งานได้ประโยชน์สูงสุด เมื่อกำลังไฟอยู่ที่ช่อง 11 - 13 โวลต์ แต่เนื่องจากแบตเตอรี่รถยนต์ ออกแบบมาเพื่อให้ใช้กับอุปกรณ์หลักของรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็น ไฟส่องสว่าง อุปกรณ์ไฟ หน้าปัด แอร์ วิทยุ เครื่องเสียง ซึ่งถือเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่มีมาในรถยนต์ส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบัน เนื่องจากรถยนต์เป็นพาหนะหลัก ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ในชีวิตประจำวัน เช่นนั้น รถยนต์ จึงเปรียบเสมือหนึ่ง บ้านหลังที่ 2 ที่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ พกพาไว้ในระว่างการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น ปัจจัยหลัก โทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊ก ทีวี ดาวเทียม เครื่องเล่นเกม หรือเครื่องเสียงคุณภาพสูงภายใต้ยี่ห้อที่มีชื่อสียง เป็นต้น
อุปกรณ์ที่อำนวยความสะดวกต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้วนั้น ล้วนแล้วแต่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่รถยนต์ทั้งสิ้น ส่งผลให้แบตเตอรี่ ประจุพลังงานได้น้อยลง เนื่องจากการใช้งานที่เกินอัตรา แบตเตอรี่รถยนต์ ทำหน้าที่ ป้อนกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ต่างๆ ของเครื่องยนต์ เพื่อให้ทำงานได้ เช่น มอเตอร์สตาร์ท ระบบจุดระเบิด ในขณะที่สตาร์ทรถยนต์ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ป้อนพลังงานให้กับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลายๆอย่างด้วย เช่น ระบบไฟส่องสว่าง วิทยุ เป็นต้น
แบตเตอรี่รถยนต์ ไม่ใช่แหล่งผลิตกระแสไฟฟ้า แต่เป็นแหล่งเก็บไฟฟ้าสำรอง เมื่อใดก็ตามที่ไดชาร์จ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้า ไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ทัน เช่น การขับขี่ในตอนกลางคืน ใช้ระบบไฟเยอะกว่าปกติ จะดึงไฟจากแบตเตอรี่มาใช้ ขณะเดียวกัน ถ้าไดชาร์จทำงานได้ดีขึ้น หรือ หมุนเร็วขึ้น จะมีกระแสไฟฟ้าเหลือจากการใช้งาน กระแสไฟฟ้าที่เหลือ จะถูกส่งกลับเข้าไปยังแหล่งเก็บไฟฟ้าสำรอง (แบตเตอรี่) จนกว่าจะเต็มแบตเตอรี่จะถูกจ่ายไฟออกอย่างเดียว เฉพาะตอนสตาร์ทเครื่องยนต์เท่านั้น เพื่อส่งกระแสไฟฟ้าเข้าสู่มอเตอร์สตาร์ท และ ระบบต่างๆ ของเครื่องยนต์
เมื่อเครื่องยนต์สตาร์ทติดพร้อมที่ทำงานแล้ว ไดชาร์จก็จะทำหน้าที่ประจุไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง นั่นก็หมายความว่า กระแสไฟฟ้าจะถูกจ่ายออก และถูกประจุเพิ่มเข้าไป หมุนเวียนเข้า – ออกแบตเตอรี่อยู่เสมอ ไม่ได้จ่ายออกไปจนหมดอย่างเดียว หมายความว่า แบตเตอรี่จะหมดได้ก็มีอยู่เพียง 2 กรณี นั่นก็คือ 1. เก็บไฟไม่อยู่ หรือ หมดอายุการใช้งาน 2. ไดร์ชาร์จ ทำงานผิดปกติ หรือ บกพร่อง ซึ่งทำให้ประจุไฟ เข้าไปยังแบตเตอรี่รถยนต์ได้น้อยมาก ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน หรือ ไม่สามารถประจุไฟ เข้าไปได้เลย
KING OF PERFROMANCE เป็นอุปรณที่ถูกออกแบบมาเพื่อดูแลระบบต่างๆของเครื่องยนต์ให้ทำงานได้มีประสิทธิติภาพมากขึ้น ให้กำลังไฟคงที่สม่ำเสมอ ยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ต่างๆให้ใช้งานได้ยาวนาน เพิ่มอัตราเร่ง ให้การเผาไหม้สมบูรณ์
เรายินดีรับประกันเครื่องยนต์ของท่านตลอดอายุผลิตภัณฑ์
062-4425694, 062-4425692FB : King of performance
www.supersavecar.com