ผู้เขียน หัวข้อ: รายงานผลอุด EGR. บรรทุกเกืิอบตัน กับอัตราประหยัดน้ำมัน ก่อนและหลังอุด  (อ่าน 7381 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ minisaw

  • ไมล์ 101-300
  • *
  • กระทู้: 253
  • คะแนน Like 3
  • NDC 235
นมค เปลี่ยนตอนหมื่นโลแล้วครับ. รออีกที สองหมื่นเลยครับ

ออฟไลน์ " PASIT "

  • ไมล์ 601-1000
  • *
  • กระทู้: 673
  • คะแนน Like 6
  • AOM NDC.574
V-CROSS 3.0 2d ZP Nonthaburi

ออฟไลน์ nut2455

  • ไมล์ 601-1000
  • *
  • กระทู้: 706
  • คะแนน Like 51
  • NDC.353 ความล้มเหลวเป็นที่มาของความสำเร็จ
ผมอุดแล้วประหยัดเหมือนกันคับ+1คับ emo1
อยู่ระยองเรารักระยอง (กระบะโลโซ)

ออฟไลน์ Mr.chiw NDC.1272

  • NDC. Staff Team
  • ไมล์ 2001-3000
  • *
  • กระทู้: 2800
  • คะแนน Like 140
  • ชิว ครับ ติดต่อ 083-2172776
  • จังหวัด: พิษณุโลก-น่าน
  • ชื่อเล่น: ชิว
 emo8 ขอบคุณครับ ที่มารีวิว อัตราประหยัดให้ฟัง

แต่ว่า โครงการที่คุยกับพี่ไว้ ยังสนใจรออยู่นะครับ  emo37 emo37

ออฟไลน์ oooo22

  • ไมล์ 1001-2000
  • *
  • กระทู้: 1354
  • คะแนน Like 46
  • โอ NDC.503
ขอบคุณครับ สำหรับรีวิว
โอ NDC.503 hr 4d 2.5 vgs z  ทองซาวันน่า NDC.503

ออฟไลน์ minisaw

  • ไมล์ 101-300
  • *
  • กระทู้: 253
  • คะแนน Like 3
  • NDC 235
ราย
านความคืบหน้าหลังจากเดินทางอุตรดิตถ์ กทม อุตรดิตถ์ ทั้งหมด 970km. ครับใช้น้ำมันไป 2000 บาทพอดีครับ(งานนี้ไม่บรรทุกนะครับ)

ออฟไลน์ babebas

  • ไมล์ 50-100
  • *
  • กระทู้: 50
  • คะแนน Like 1
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ.. emo33 emo33

ออฟไลน์ jojoe_buses

  • ไมล์ 301-600
  • *
  • กระทู้: 539
  • คะแนน Like 30
อุด EGR มีแต่จะทำให้อัตราการกินเชื้อเพลิงน้อยลง เพราะอัตราเร่งดีขึ้น หรือเต็มที่ก็กินเท่าเดิม

ไม่มีมางกินมากกว่าเดิมแน่นอน

ส่วนใหญ่ที่บอกกินกว่าเดิม เพราะเหยียบหนักกว่าเดิม หรือไม่เคยจับก่อนทำและหลังทำ
www.joebangyaiautopart.com <--ขายแผ่นอุดEGRทุกยี่ห้อ,กรองแอร์,อะไหล่แท้อีซูซุ,แบตเตอรี่ FB ราคาปลีกและส่ง

ออฟไลน์ M-D7000

  • ไมล์ 1001-2000
  • *
  • กระทู้: 1108
  • คะแนน Like 30
  • NDC.414
ได้รถมาผมก็จะไปอุดเหมือนกันครับ emo10 emo10 emo10
NDC.414   4D HR 2.5 VGS Z DVD  ขาวมุก
อะไรก็ซิ่งได้ ถ้ามันวิ่งไปข้างหน้า

ออฟไลน์ Mr.chiw NDC.1272

  • NDC. Staff Team
  • ไมล์ 2001-3000
  • *
  • กระทู้: 2800
  • คะแนน Like 140
  • ชิว ครับ ติดต่อ 083-2172776
  • จังหวัด: พิษณุโลก-น่าน
  • ชื่อเล่น: ชิว
อุด EGR มีแต่จะทำให้อัตราการกินเชื้อเพลิงน้อยลง เพราะอัตราเร่งดีขึ้น หรือเต็มที่ก็กินเท่าเดิม

ไม่มีมางกินมากกว่าเดิมแน่นอน

ส่วนใหญ่ที่บอกกินกว่าเดิม เพราะเหยียบหนักกว่าเดิม หรือไม่เคยจับก่อนทำและหลังทำ


 emo1 น้าโจ้ พูดถูกครับ ส่วนมาก ก่อนทำส่วนมาก คนมัก ไม่ค่อยสังเกตุ พอทำแล้ว เลยวิตก กันไป ^^

ออฟไลน์ typhoon

  • ไมล์ 1001-2000
  • *
  • กระทู้: 1735
  • คะแนน Like 23
4D HR 2.5 VGS Z-Prestige Navi A/T สีขาวมุก
เวลาเป็นสิ่งที่น่ากลัว  มันพาความสุขและความเศร้าไปจากเรา

ออฟไลน์ ANAN.

  • ค่า.ของคนวัด.. กันที่__ความดี
  • ไมล์ 3001-4000
  • *
  • กระทู้: 3424
  • คะแนน Like 466
  • อนันต์ NDC 094 .:。✿*゚’゚✿.。.:*✿ รถสวย คลับดี จบ
อุดแล้วต้องประหยัดสิ ของผม ตอนนี้ ตั้งตายที่15.4  นิ่งมาเป็นเดือนๆแล้วครับ
กรุงเทพ - นครศรีฯ

ออฟไลน์ somnuek2508

  • กำลังสะสมไมล์
  • *
  • กระทู้: 40
  • คะแนน Like 3
ข้อมูลประกอบการตัดสินใจครับ..ไปเจอมาครับ..ผมเองไม่มีความรู้เรื่องนี้  แต่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ครับ

EGR (exhaust Gas Recirculation) ใช้เพื่อการลด NOx (nitrous oxides) ซึ่งเป็นแก๊สพิษ.

NOx เกิดจากการที่ ไนโตรเจน กับออกซิเจนในอากาศ มาคลุกเคล้ารวมตัวกันแล้วเกิดการเผาไหม้ในลูกสูบ โดยช่วงของอุณหภูมิการเผาไหม้สูงกว่า 1,800 C(3,300 F)

วิธีการคือ กล่อง ECU จะรับข้อมูลมาจากเซนเซอร์ต่างๆ ทั้ง อุณหภูมิแก๊สไอเสีย ส่วนผสมหนาบาง และอื่นๆอีก แล้วมาประมวลผล ซึ่งถ้า ECU ตรวจพบว่าสภาวะการเผาไหม้อาจก่อให้เกิด NOx ได้ ก็จะส่งสัญญาณไปสั่งให้ EGR วาล์วเปิด เพื่อให้แก๊สไอเสียบางส่วนไหลกลับเข้าไปเผาไหม้ซ้ำอีกครั้ง (คล้ายๆกับการลดประสิทธ์ภาพทางความร้อนจากการเผาไหม้ให้ลดลง) เพื่อไม่ให้อุณหภูมิในการเผาไหม้สูงเกินจุดเปลี่ยน...


ดังนั้นใน บางจังหวะที่วาล์วมีการเปิดมาก หรือ นานเกินไป เพื่อให้แก๊สไอเสียวนกลับไปเผาใหม่อีกครั้งมีมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดควันดำตามออกมาได้...
โดยเฉพาะรถที่วิ่งช้าๆ แต่ใช้รอบเครื่องต่ำ(ลากเกียร์สูง)นานๆ อย่างในกรณีคล้ายๆรถสองแถว จะทำให้อุณหภูมิในการเผาไหม้สูงอย่างต่อเนื่อง วาล์วก็จะเปิดนาน ทำให้เกิดควันดำมากขึ้น แล้วเกิดการสะสมของเขม่า ตามจุดต่างๆในระบบ...

วิธี การแก้ไขอย่างง่าย...ทำการเร่งเครื่องให้รอบสูงๆ คล้ายๆการเบิ้ลเครื่องเล่น แต่ลากยาวๆหน่อยนึงเพื่อให้เกิดการไล่เขม่าและไอเสียเดิมออกไป..
อีกวิธีคือการเข้าศูนย์บริการ ให้ดำเนินการแก้ไขโปรแกรม ECU ใหม่...

การ อุด EGR วาล์ว ไม่ใช่วิธีที่ถุกต้องในเชิงวิชาการ(หรือเชิงวิทยาศาตร์) เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการกำจัดไอพิษจากแก๊ส ด้อยลง เป็นการเพิ่มหรือเร่งการทำลายสภาวะแวดล้อมโลกเพิ่มขึ้นอีกทางนึงด้วย....
ท่านอาจคิดว่า...เราอุดแค่คันเดียวมันจะกระทบสักเท่าไหร่กัน...
ท่านลองไปยืนท้ายรถที่จอดติดเครื่อง แล้วถามใจท่านดูว่ารู้สึกอย่างไร.
แล้วรถยนต์ในกทม. มีเป็นสิบล้านคัน ถ้าทำอย่างนี้แค่ 5เปอร์เซนต์(ประมาณ 5แสนคัน) ท่านคิดว่าสภาวะแวดล้อมจะเป็นอย่างไร....
ทุกอย่าง อาจไม่เห็นผลกับตัวเราในวันนี้.....แต่แน่ใจหรื ว่าอยากให้ลูกหลานเราในอนาคต ต้องมารับผลกระทบจากสิ่งเหล่านี้....................

ท่านยอมเสีย ประสิทธิภาพของรถยนต์ลงสัก2-3เปอร์เซนเพื่อแลกกับสิ่งดีให้ลูกหลานในอนาคต หรือท่านอยากได้ความแรงความมันเพิ่มอีกสัก 2-3 เปอร์เซนต์โดยยอมแลกสิ่งดีๆในอนาคตของลูกหลานทิ้งไป....(เพราะเราอาจไม่ได้ อยู่ร่วรับชะตากรรมร้ายกับเขาก็ได้จะไปสนใจทำไมล่ะ...ก็แล้วแต่ศรัทธา ครับ....)


ที่ผ่านมาได้มีการคิดค้นวิธีในการลดมลพิษต่างๆ วิธีหนึ่งคือการใช้ระบบหมุนเวียนไอเสีย Exhaust Gas Recirculation (EGR) ซึ่งในครั้งแรกการใช้ EGR ก็เพื่อจะนำความร้อนจากไอเสียเวียนกลับเข้ามาในเครื่องยนต์ ช่วยให้อุณหภูมิของไอดีสูงขึ้นในกระบวนการเผาไหม้ จึงเป็นการประหยัดพลังงาน แต่ประโยชน์ที่ได้รับเพิ่มเติมก็คือสามารถลดออกไซด์ของไนโตรเจน (NOX) ได้ด้วยซึ่งก๊าซนี้เป็นอันตรายต่อปอดและระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ ในปี ค.ศ.2002 ที่ผ่านมา หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศสหรัฐอเมริกา US Environmental Protection Agency หรือ EPA ได้กำหนดให้ลด NO X ลงอีก 50 % จากมาตรฐานปี ค.ศ 1998 ( จาก 4.0 เป็น 2.0 g / Break Horse -hr.) และ มาตรฐานมลพิษของประเทศอื่นๆ ก็มีแนวโน้มในการลด NO X มากขึ้น จึงทำให้ผู้ผลิตเครื่องยนต์ดีเซลส่วนใหญ่จำเป็นต้องติดตั้งระบบ EGR มากขึ้น แต่ระบบ EGR มีข้อเสียคือความร้อนและสิ่งสกปรกที่เวียนกลับมากับไอเสีย ทำให้เครื่องยนต์มีคราบเขม่าเกาะจับ และน้ำมันเครื่องมีอุณหภูมิสูงขึ้นจึงเสื่อมสภาพเร็ว อีกทั้งมีธาตุกำมะถันและไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบอยู่บางส่วน ทำให้แปรสภาพเป็นกรด เกิดสนิมและเครื่องยนต์สึกหรอมากขึ้น ดังนั้นน้ำมันเครื่องที่ใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลที่ติดตั้ง EGR นี้จะต้องมีความคงทน และ คุณสมบัติพิเศษในการกำจัดสิ่งสกปรก กรดหรือป้องกันสนิมได้ดียิ่งขึ้น

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31พ.ค.2012, 09:49:13 โดย somnuek2508 »

ออฟไลน์ โต้ง มีนบุรี (NDC.๔๒๘)

  • ไมล์ 3001-4000
  • *
  • กระทู้: 3266
  • คะแนน Like 123
  • NDC.๔๒๘ โต้งครับ
  • จังหวัด: บ้านเกิด สกลนคร บ้าน ผบ. พิจิตร ทำงานที่ กรุงเทพฯ
  • ชื่อเล่น: โต้งครับ
ข้อมูลประกอบการตัดสินใจครับ..ไปเจอมาครับ..ผมเองไม่มีความรู้เรื่องนี้  แต่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ครับ

EGR (exhaust Gas Recirculation) ใช้เพื่อการลด NOx (nitrous oxides) ซึ่งเป็นแก๊สพิษ.

NOx เกิดจากการที่ ไนโตรเจน กับออกซิเจนในอากาศ มาคลุกเคล้ารวมตัวกันแล้วเกิดการเผาไหม้ในลูกสูบ โดยช่วงของอุณหภูมิการเผาไหม้สูงกว่า 1,800 C(3,300 F)

วิธีการคือ กล่อง ECU จะรับข้อมูลมาจากเซนเซอร์ต่างๆ ทั้ง อุณหภูมิแก๊สไอเสีย ส่วนผสมหนาบาง และอื่นๆอีก แล้วมาประมวลผล ซึ่งถ้า ECU ตรวจพบว่าสภาวะการเผาไหม้อาจก่อให้เกิด NOx ได้ ก็จะส่งสัญญาณไปสั่งให้ EGR วาล์วเปิด เพื่อให้แก๊สไอเสียบางส่วนไหลกลับเข้าไปเผาไหม้ซ้ำอีกครั้ง (คล้ายๆกับการลดประสิทธ์ภาพทางความร้อนจากการเผาไหม้ให้ลดลง) เพื่อไม่ให้อุณหภูมิในการเผาไหม้สูงเกินจุดเปลี่ยน...


ดังนั้นใน บางจังหวะที่วาล์วมีการเปิดมาก หรือ นานเกินไป เพื่อให้แก๊สไอเสียวนกลับไปเผาใหม่อีกครั้งมีมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดควันดำตามออกมาได้...
โดยเฉพาะรถที่วิ่งช้าๆ แต่ใช้รอบเครื่องต่ำ(ลากเกียร์สูง)นานๆ อย่างในกรณีคล้ายๆรถสองแถว จะทำให้อุณหภูมิในการเผาไหม้สูงอย่างต่อเนื่อง วาล์วก็จะเปิดนาน ทำให้เกิดควันดำมากขึ้น แล้วเกิดการสะสมของเขม่า ตามจุดต่างๆในระบบ...

วิธี การแก้ไขอย่างง่าย...ทำการเร่งเครื่องให้รอบสูงๆ คล้ายๆการเบิ้ลเครื่องเล่น แต่ลากยาวๆหน่อยนึงเพื่อให้เกิดการไล่เขม่าและไอเสียเดิมออกไป..
อีกวิธีคือการเข้าศูนย์บริการ ให้ดำเนินการแก้ไขโปรแกรม ECU ใหม่...

การ อุด EGR วาล์ว ไม่ใช่วิธีที่ถุกต้องในเชิงวิชาการ(หรือเชิงวิทยาศาตร์) เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการกำจัดไอพิษจากแก๊ส ด้อยลง เป็นการเพิ่มหรือเร่งการทำลายสภาวะแวดล้อมโลกเพิ่มขึ้นอีกทางนึงด้วย....
ท่านอาจคิดว่า...เราอุดแค่คันเดียวมันจะกระทบสักเท่าไหร่กัน...
ท่านลองไปยืนท้ายรถที่จอดติดเครื่อง แล้วถามใจท่านดูว่ารู้สึกอย่างไร.
แล้วรถยนต์ในกทม. มีเป็นสิบล้านคัน ถ้าทำอย่างนี้แค่ 5เปอร์เซนต์(ประมาณ 5แสนคัน) ท่านคิดว่าสภาวะแวดล้อมจะเป็นอย่างไร....
ทุกอย่าง อาจไม่เห็นผลกับตัวเราในวันนี้.....แต่แน่ใจหรื ว่าอยากให้ลูกหลานเราในอนาคต ต้องมารับผลกระทบจากสิ่งเหล่านี้....................

ท่านยอมเสีย ประสิทธิภาพของรถยนต์ลงสัก2-3เปอร์เซนเพื่อแลกกับสิ่งดีให้ลูกหลานในอนาคต หรือท่านอยากได้ความแรงความมันเพิ่มอีกสัก 2-3 เปอร์เซนต์โดยยอมแลกสิ่งดีๆในอนาคตของลูกหลานทิ้งไป....(เพราะเราอาจไม่ได้ อยู่ร่วรับชะตากรรมร้ายกับเขาก็ได้จะไปสนใจทำไมล่ะ...ก็แล้วแต่ศรัทธา ครับ....)


ที่ผ่านมาได้มีการคิดค้นวิธีในการลดมลพิษต่างๆ วิธีหนึ่งคือการใช้ระบบหมุนเวียนไอเสีย Exhaust Gas Recirculation (EGR) ซึ่งในครั้งแรกการใช้ EGR ก็เพื่อจะนำความร้อนจากไอเสียเวียนกลับเข้ามาในเครื่องยนต์ ช่วยให้อุณหภูมิของไอดีสูงขึ้นในกระบวนการเผาไหม้ จึงเป็นการประหยัดพลังงาน แต่ประโยชน์ที่ได้รับเพิ่มเติมก็คือสามารถลดออกไซด์ของไนโตรเจน (NOX) ได้ด้วยซึ่งก๊าซนี้เป็นอันตรายต่อปอดและระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ ในปี ค.ศ.2002 ที่ผ่านมา หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศสหรัฐอเมริกา US Environmental Protection Agency หรือ EPA ได้กำหนดให้ลด NO X ลงอีก 50 % จากมาตรฐานปี ค.ศ 1998 ( จาก 4.0 เป็น 2.0 g / Break Horse -hr.) และ มาตรฐานมลพิษของประเทศอื่นๆ ก็มีแนวโน้มในการลด NO X มากขึ้น จึงทำให้ผู้ผลิตเครื่องยนต์ดีเซลส่วนใหญ่จำเป็นต้องติดตั้งระบบ EGR มากขึ้น แต่ระบบ EGR มีข้อเสียคือความร้อนและสิ่งสกปรกที่เวียนกลับมากับไอเสีย ทำให้เครื่องยนต์มีคราบเขม่าเกาะจับ และน้ำมันเครื่องมีอุณหภูมิสูงขึ้นจึงเสื่อมสภาพเร็ว อีกทั้งมีธาตุกำมะถันและไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบอยู่บางส่วน ทำให้แปรสภาพเป็นกรด เกิดสนิมและเครื่องยนต์สึกหรอมากขึ้น ดังนั้นน้ำมันเครื่องที่ใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลที่ติดตั้ง EGR นี้จะต้องมีความคงทน และ คุณสมบัติพิเศษในการกำจัดสิ่งสกปรก กรดหรือป้องกันสนิมได้ดียิ่งขึ้น


ไม่เชื่อครับ อุดตั้งแต่ 500 km. แล้วละเสียใจด้วย emo10 emo10 emo10 emo10
ไม่ถึง 18 นั่งหน้า   เกิน 25 นั่งหลัง
Hi-2Dr 3.0 ดำ Z-Prestige(กระบะบ้านๆ)