ผู้เขียน หัวข้อ: รถหาย..แล้วต้องผ่อนต่อไหม??  (อ่าน 6857 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ cheetah

  • ไมล์ 101-300
  • *
  • กระทู้: 118
  • คะแนน Like 3
Re: รถหาย..แล้วต้องผ่อนต่อไหม??
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: 27มี.ค.2012, 09:05:27 »
ขอขอบคุณเจ้าของกระทู้ ที่ได้นำสาระดีๆมาแชร์ให้เพื่อนสมาชิกได้ศึกษากัน ทั้งนี้เพื่อผลประโยชน์ของพวกเรา และผู้ใช้รถทุกท่าน ขอบคุณมากครับ emo35

ออฟไลน์ Kates

  • ไมล์ 101-300
  • *
  • กระทู้: 161
  • คะแนน Like 1
  • ฝันให้ไกล...ไปให้ถึง.....
Re: รถหาย..แล้วต้องผ่อนต่อไหม??
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: 27มี.ค.2012, 09:21:11 »
สรุป
1. ถ้ารถหาย ไม่ต้องผ่อนต่อ ปล่อยให้ลิสซิ่งฟ้องศาลมาเอง
2. ศาลจะพิจารณาว่า ค่างวดที่เราจ่ายไปแล้ว + วงเงินประกัน เพียงพอกับมูลค่ารถรึเปล่า
ถ้าเกิน เราก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
ถ้าขาด เราก็ต้องจ่ายค่าเสียหายเพิ่ม ตามที่ศาลเห็นสมควร
3. ถ้าอีกหลายปีต่อมา จับคนร้านได้+ได้รถคืน
รถต้องตกเป็นของบริษัทประกัน ไม่ใช่ของเราเพราะสัญญาเช่าซื้อมันจบไปตั้งแต่ตอนที่รถหายแล้ว

...

แล้วกรณี ที่มูลค่ารถเกินกว่า จะได้คืนไหมคับ....เพราะ เคยโดนกรณี น้ำท่วม......ก้ยังต้องผ่อนต่อ จนกว่าจะไปหาเงินมาโปะ เพื่อไปเอาสมุดคืนจาก ไฟแน้น แล้วจึงไปเอาตังจากประกัน (กรณีได้เคลมประกันเต็ม)...สุดท้ายยังมีตังค์ เหลือ มาจอง ALL NEW นี่แหละ...... emo34 emo34 emo34

ออฟไลน์ All-new-ja

  • ไมล์ 50-100
  • *
  • กระทู้: 97
  • คะแนน Like 0
Re: รถหาย..แล้วต้องผ่อนต่อไหม??
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: 27มี.ค.2012, 10:27:17 »
กรณีน้ำท่วม

ตามความเข้าใจของเรานะคะ

รถคุณ Kates น้ำท่วม เป็นคนละกรณีกับรถหายค่ะ (ทรัพย์ยังอยู่)
จึงต้องผ่อนต่อกับไฟแนนซ์ จนจบ (ปิดบัญชีกับไฟแนนซ์ ...รถเป็นกรรมสิทธิ์ของคุณKates 100%)

ส่วนประกัน มาชดใช้ค่าเสียหาย ตามวงเงินที่ประกัน

ถ้าเราเคลมประกัน คือได้เงินจากประกันมาแล้ว = ประกันซื้อรถต่อจากเรา
รถ/ซากรถก็ตกเป็นของประกันไป

เงินที่เคลมมาได้ ก็เหมือนเราขายรถได้อ่ะค่า ^^

ออฟไลน์ KuGzz

  • ไมล์ 101-300
  • *
  • กระทู้: 241
  • คะแนน Like 2
Re: รถหาย..แล้วต้องผ่อนต่อไหม??
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: 27มี.ค.2012, 10:37:06 »
ขอบคุนสำหรับข้อมูลดีๆคับ

4D HR 2.5 VGS Z/P Navi A/T รับแล้ว ^_^

ออฟไลน์ jodmaru

  • ไมล์ 101-300
  • *
  • กระทู้: 295
  • คะแนน Like 4
Re: รถหาย..แล้วต้องผ่อนต่อไหม??
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: 27มี.ค.2012, 11:04:27 »
แบบนี้ก้อไม่ต้องกลัวหายแล้วสิครับ
ร้านรุ่งรัศมีโลกของเด็กลพบุรี จำหน่าย สระน้ำเป่าลม สไลด์เดอร์ บ้านบอล ของเล่นสนาม รถไฟฟ้าเด็กนั่ง รถบังคับราคาถูกคุณภาพดี รับจัดชุดเครื่องเล่นสนามพลาสติก 083-7711667,086-3456160

ออฟไลน์ omisa

  • ไมล์ 101-300
  • *
  • กระทู้: 160
  • คะแนน Like 0
  • NDC.380 NONTHABURI-Hr 2Dr Z-Prestige 2500 AT
Re: รถหาย..แล้วต้องผ่อนต่อไหม??
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: 27มี.ค.2012, 11:36:15 »
ได้ความรู้อีกแล้ว emo34 พี่น้อง
จงอย่าอิจฉาคนอื่น
           แต่ควรใช้ชีวิตให้คนอื่่นอิจฉา

ออฟไลน์ arunaa

  • ไมล์ 101-300
  • *
  • กระทู้: 239
  • คะแนน Like 2
Re: รถหาย..แล้วต้องผ่อนต่อไหม??
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: 27มี.ค.2012, 18:38:53 »
 emo33ขอบคุณครับ emo30  หูตาสว่างขึ้นเยอะเลย
เป้าหมายมีไว้พุ่งชน!!!

ออฟไลน์ gotos

  • ไมล์ 101-300
  • *
  • กระทู้: 272
  • คะแนน Like 0
Re: รถหาย..แล้วต้องผ่อนต่อไหม??
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: 27มี.ค.2012, 23:44:39 »
 emo1 emo1

ออฟไลน์ Tanai_sign red

  • ไมล์ 601-1000
  • *
  • กระทู้: 611
  • คะแนน Like 18
Re: รถหาย..แล้วต้องผ่อนต่อไหม??
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: 27มี.ค.2012, 23:50:26 »
สรุป
1. ถ้ารถหาย ไม่ต้องผ่อนต่อ ปล่อยให้ลิสซิ่งฟ้องศาลมาเอง
2. ศาลจะพิจารณาว่า ค่างวดที่เราจ่ายไปแล้ว + วงเงินประกัน เพียงพอกับมูลค่ารถรึเปล่า
ถ้าเกิน เราก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
ถ้าขาด เราก็ต้องจ่ายค่าเสียหายเพิ่ม ตามที่ศาลเห็นสมควร
3. ถ้าอีกหลายปีต่อมา จับคนร้านได้+ได้รถคืน
รถต้องตกเป็นของบริษัทประกัน ไม่ใช่ของเราเพราะสัญญาเช่าซื้อมันจบไปตั้งแต่ตอนที่รถหายแล้ว

ข้อ 1.ทำไมต้องรอเขาฟ้อง ถ้ามีประกันก็ให้ประกันจัดการซิ ถ้าเราผ่อนไปบ้างแล้วยังไงก็พอหนี้ที่เหลือครับ และได้คืนในส่วนต่างด้วย จะมากน้อยแค่ไหนอยู่ที่จำนวนเงินที่ผ่อนไปแล้ว ถ้าจะให้หนักเป็นเบาก็ควรจะทำประกันชั้น 1 ไว้ดีที่สุด
ข้อ 2.ถ้าทำตามข้อ 1.ข้อ 2. ก็ไม่เกิดครับ เว้นแต่ไม่ได้ทำประกันไว้และหาเงินจ่ายส่วนที่เหลือไม่ได้ โดนฟ้องแน่
ข้อ 3.ต้องดูข้อสัญญาครับ ยกตังอย่างของ บ.วิริยะในกรณีที่ได้รถคืนในภายหลัง และบริษัทประกันได้จ่ายเงินสินไหมให้แก่ผู้เอาประกันภัยแล้ว บริษัทประกันต้องแจ้งผู้เอาประกัยภัยถึงสิทธิที่จะขอรับรถคืนได้ โดยให้ตอบกลับภายใน 30 วัน ถ้าจะรับรถคืนและรถนั้นเสียหาย บริษัทฯต้องซ่อมรถให้ก่อนส่งมอบ และเราต้องคืนเงินให้ทั้งหมด ถ้าไม่เอารถ บริษัทฯก็นำออกขายทอดตลาดต่อไป

ที่ว่าจะได้ค่าสินไหมแค่เพียง 80% นั้น ได้ยินมาหลายกระแสเหลือเกินว่าได้ไม่เต็มร้อยนะ ซึ่งความจริงการทำประกันโดยปกติเขาไม่ให้วงเงินคุ้มครองเต็มราคาอยู่แล้วครับ จะคิดเพียง 80% ของราคาท้องตลาดในปีที่ทำประกัน แล้วราคานั้นระบุจำนวนไว้ในกรมธรรม์
เช่น รถราคา 600,000 บาท 80 % เท่ากับ 480,000 บาท (วงเงินคุ้มครองในกรมธรรม์) เมื่อรถหาย บ.ประกันต้องจ่าย 480,000 บาท ตามที่ระบุในกรมธรรม์ครับ ไม่ใช่ 80% ของวงเงิน 480,000 บาท นะครับ ส่วนใหญ่ผมได้ยินมาส่วนมากเป็นอย่างหลัง ฟังแล้วใจแป้วเพราะเราก็ไม่เคยมีประสบการณ์ และไม่อยากจะมี ตรงส่วนนี้ บ.ประกันยืนยันครับ และท้าว่าถ้าจ่ายไม่เต็มตามกรมธรรม์ให้ฟ้องได้เลย แต่ที่บอกว่าต้องจ่ายภายใน 15 วันนั้น ผมก็ไม่ทราบว่าจริงเท็จแค่ไหน อ่านกรมธรรม์ก็ไม่ได้บอกกำหนดเวลาจ่ายไว้ แต่บริษัทบอกว่าตามระเบียบ (ของใคร) ต้องรอปิดคดีก่อน

ในส่วนของคดีรถหาย ตำรวจจะปิดสำนวนภายใน 3 เดือน ผมเป็นหนึ่งในเหยื่อ บ.ประกันบอกว่าต้องรอตำรวจปิดคดีก่อน ถึงจะทำเรื่องเบิกจ่ายได้ นี่ก็ 3 เดือนกว่าแล้วยังไม่ได้เงินเลย สำนวนสอบสวนเสร็จแล้วยังต้องผ่านตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตรวจสรุปสำนวนอีกที

ในส่วนที่เกี่ยวกับขนส่ง ต้องนำใบแจ้งความฉบับรับรองพร้อมเล่มทะเบียนไปแจ้งระงับการใช้รถด้วย เพื่อเป็นการระงับภาษี
และป้องกันการทำนิติกรรมเกี่ยวกับรถในทางใดๆ ซึ่งทางตำรวจเองก็จะมีหนังสือแจ้งอายัดมาถึงขนส่งด้วย

การที่รถหายทำให้สิ้นสุดสัญญา เพราะวัตถุแห่งหนี้ (รถ) ไม่มีแล้วเลยไม่ต้องผ่อนต่อ ฟังดูเผินๆ เหมือนจะเบาใจ แต่ความจริงเป็นเรื่องภาระที่ตามมาแบบตั้งตัวไม่ทัน เพราะในเมื่อสัญญาสิ้นสุด เราต้องชำระหนี้เร็วกว่าที่กำหนดให้กับบริษัทไฟแนนท์ และต้องจ่ายงวดเดียวจบ ตายล่ะหว่าถ้าไม่มีจ่ายต้องขึ้นศาลแน่ ๆ ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายอื่นอีกที่จะฟ้องเรียกมากับค่าเช่าซื้อ ในเมื่อสัญญาเช่าซื้อกำหนดให้ผู้เช่าซื้อต้องชำระราคาจนครบถ้วน ถ้าเราไม่จ่ายก็เท่ากับผิดสัญญา โดนฟ้องแน่ครับ แต่ถ้าไม่มีจ่ายเป็นก้อนจริงๆ ในชั้นศาลก็ขอประนีประนอมยอมความผ่อนต่อไป (ผ่อนลมเพราะกุญแจต้องคืนไฟแนนท์)
แต่ถ้าทำประกันชั้น 1 ไว้ ผมลองคำนวณดูเล่นๆไม่ว่าจะหายในช่วงปีไหนระหว่างเช่าซื้อ เมื่อเอาจำนวนเงินที่ขอสินเชื่อหักด้วยเงินค่างวดที่ผ่อนไปแล้ว วงเงินประกันคุ้มครอง (ลดลงทุกปี) ก็น่าจะคุ้มราคาค่าเช่าซื้อส่วนที่เหลือที่ต้องชำระให้กับไฟแนนท์ ที่จริงไฟแนนท์น่าจะลดดอกเบี้ยให้ด้วยเพราะเราไม่ได้ใช้รถ

ปล.เล่าจากประสบการณ์จริงครับ emo4 emo4 emo4


ออฟไลน์ somjit2511

  • ไมล์ 101-300
  • *
  • กระทู้: 219
  • คะแนน Like 0
Re: รถหาย..แล้วต้องผ่อนต่อไหม??
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: 28มี.ค.2012, 04:14:45 »
สรุป
1. ถ้ารถหาย ไม่ต้องผ่อนต่อ ปล่อยให้ลิสซิ่งฟ้องศาลมาเอง
2. ศาลจะพิจารณาว่า ค่างวดที่เราจ่ายไปแล้ว + วงเงินประกัน เพียงพอกับมูลค่ารถรึเปล่า
ถ้าเกิน เราก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
ถ้าขาด เราก็ต้องจ่ายค่าเสียหายเพิ่ม ตามที่ศาลเห็นสมควร
3. ถ้าอีกหลายปีต่อมา จับคนร้านได้+ได้รถคืน
รถต้องตกเป็นของบริษัทประกัน ไม่ใช่ของเราเพราะสัญญาเช่าซื้อมันจบไปตั้งแต่ตอนที่รถหายแล้ว

ข้อ 1.ทำไมต้องรอเขาฟ้อง ถ้ามีประกันก็ให้ประกันจัดการซิ ถ้าเราผ่อนไปบ้างแล้วยังไงก็พอหนี้ที่เหลือครับ และได้คืนในส่วนต่างด้วย จะมากน้อยแค่ไหนอยู่ที่จำนวนเงินที่ผ่อนไปแล้ว ถ้าจะให้หนักเป็นเบาก็ควรจะทำประกันชั้น 1 ไว้ดีที่สุด
ข้อ 2.ถ้าทำตามข้อ 1.ข้อ 2. ก็ไม่เกิดครับ เว้นแต่ไม่ได้ทำประกันไว้และหาเงินจ่ายส่วนที่เหลือไม่ได้ โดนฟ้องแน่
ข้อ 3.ต้องดูข้อสัญญาครับ ยกตังอย่างของ บ.วิริยะในกรณีที่ได้รถคืนในภายหลัง และบริษัทประกันได้จ่ายเงินสินไหมให้แก่ผู้เอาประกันภัยแล้ว บริษัทประกันต้องแจ้งผู้เอาประกัยภัยถึงสิทธิที่จะขอรับรถคืนได้ โดยให้ตอบกลับภายใน 30 วัน ถ้าจะรับรถคืนและรถนั้นเสียหาย บริษัทฯต้องซ่อมรถให้ก่อนส่งมอบ และเราต้องคืนเงินให้ทั้งหมด ถ้าไม่เอารถ บริษัทฯก็นำออกขายทอดตลาดต่อไป

ที่ว่าจะได้ค่าสินไหมแค่เพียง 80% นั้น ได้ยินมาหลายกระแสเหลือเกินว่าได้ไม่เต็มร้อยนะ ซึ่งความจริงการทำประกันโดยปกติเขาไม่ให้วงเงินคุ้มครองเต็มราคาอยู่แล้วครับ จะคิดเพียง 80% ของราคาท้องตลาดในปีที่ทำประกัน แล้วราคานั้นระบุจำนวนไว้ในกรมธรรม์
เช่น รถราคา 600,000 บาท 80 % เท่ากับ 480,000 บาท (วงเงินคุ้มครองในกรมธรรม์) เมื่อรถหาย บ.ประกันต้องจ่าย 480,000 บาท ตามที่ระบุในกรมธรรม์ครับ ไม่ใช่ 80% ของวงเงิน 480,000 บาท นะครับ ส่วนใหญ่ผมได้ยินมาส่วนมากเป็นอย่างหลัง ฟังแล้วใจแป้วเพราะเราก็ไม่เคยมีประสบการณ์ และไม่อยากจะมี ตรงส่วนนี้ บ.ประกันยืนยันครับ และท้าว่าถ้าจ่ายไม่เต็มตามกรมธรรม์ให้ฟ้องได้เลย แต่ที่บอกว่าต้องจ่ายภายใน 15 วันนั้น ผมก็ไม่ทราบว่าจริงเท็จแค่ไหน อ่านกรมธรรม์ก็ไม่ได้บอกกำหนดเวลาจ่ายไว้ แต่บริษัทบอกว่าตามระเบียบ (ของใคร) ต้องรอปิดคดีก่อน

ในส่วนของคดีรถหาย ตำรวจจะปิดสำนวนภายใน 3 เดือน ผมเป็นหนึ่งในเหยื่อ บ.ประกันบอกว่าต้องรอตำรวจปิดคดีก่อน ถึงจะทำเรื่องเบิกจ่ายได้ นี่ก็ 3 เดือนกว่าแล้วยังไม่ได้เงินเลย สำนวนสอบสวนเสร็จแล้วยังต้องผ่านตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตรวจสรุปสำนวนอีกที

ในส่วนที่เกี่ยวกับขนส่ง ต้องนำใบแจ้งความฉบับรับรองพร้อมเล่มทะเบียนไปแจ้งระงับการใช้รถด้วย เพื่อเป็นการระงับภาษี
และป้องกันการทำนิติกรรมเกี่ยวกับรถในทางใดๆ ซึ่งทางตำรวจเองก็จะมีหนังสือแจ้งอายัดมาถึงขนส่งด้วย

การที่รถหายทำให้สิ้นสุดสัญญา เพราะวัตถุแห่งหนี้ (รถ) ไม่มีแล้วเลยไม่ต้องผ่อนต่อ ฟังดูเผินๆ เหมือนจะเบาใจ แต่ความจริงเป็นเรื่องภาระที่ตามมาแบบตั้งตัวไม่ทัน เพราะในเมื่อสัญญาสิ้นสุด เราต้องชำระหนี้เร็วกว่าที่กำหนดให้กับบริษัทไฟแนนท์ และต้องจ่ายงวดเดียวจบ ตายล่ะหว่าถ้าไม่มีจ่ายต้องขึ้นศาลแน่ ๆ ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายอื่นอีกที่จะฟ้องเรียกมากับค่าเช่าซื้อ ในเมื่อสัญญาเช่าซื้อกำหนดให้ผู้เช่าซื้อต้องชำระราคาจนครบถ้วน ถ้าเราไม่จ่ายก็เท่ากับผิดสัญญา โดนฟ้องแน่ครับ แต่ถ้าไม่มีจ่ายเป็นก้อนจริงๆ ในชั้นศาลก็ขอประนีประนอมยอมความผ่อนต่อไป (ผ่อนลมเพราะกุญแจต้องคืนไฟแนนท์)
แต่ถ้าทำประกันชั้น 1 ไว้ ผมลองคำนวณดูเล่นๆไม่ว่าจะหายในช่วงปีไหนระหว่างเช่าซื้อ เมื่อเอาจำนวนเงินที่ขอสินเชื่อหักด้วยเงินค่างวดที่ผ่อนไปแล้ว วงเงินประกันคุ้มครอง (ลดลงทุกปี) ก็น่าจะคุ้มราคาค่าเช่าซื้อส่วนที่เหลือที่ต้องชำระให้กับไฟแนนท์ ที่จริงไฟแนนท์น่าจะลดดอกเบี้ยให้ด้วยเพราะเราไม่ได้ใช้รถ

ปล.เล่าจากประสบการณ์จริงครับ emo4 emo4 emo4


งานเขาแล้ว... emo31 emo31 emo31

ออฟไลน์ nitikon153

  • ไมล์ 101-300
  • *
  • กระทู้: 204
  • คะแนน Like 4
Re: รถหาย..แล้วต้องผ่อนต่อไหม??
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: 28มี.ค.2012, 09:16:42 »
ตกลงหายต้องผ่อนไหมครับ
emo1 -  รถสูญหาย ถูกทำลาย ถูกยึด ถูกอายัด หรือถูกริบ โดยไม่ใช่ความผิดของผู้เช่าซื้อไม่ต้องชำระค่าเช่าซื้อจนครบสัญญานะครับ  อาจต้องรับผิดเฉพาะค่าเสียหาย ค่าปรับ ค่าติดตามทวงถาม ค่าทนายความ เท่าที่ผู้ให้เช่าซื้อจ่ายจริงและสมควร
- การบอกเลิกสัญญา  ผู้ให้เช่าซื้อจะกระทำได้ต่อเมื่อ
๑. ผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ ๓ งวดติดต่อกัน
๒. แจ้งให้ทราบล่วงหน้าให้ทราบอีก ๓๐ วัน
ผู้เช่าซื้อละเลยจึงจะยึดรถเราได้ครับ และจะนำรถออกขายได้ต้องดำเนินการ แจ้งผู้เช่าซื้อล่วงหน้า ๗ วัน เพื่อให้ผู้เช่าซื้อใช้สิทธิซื้อรถตามส่วนขาดตามสัญญา และเมื่อขาดทอดตลาดหรือประมูลแล้วได้เงินน้อยกว่าค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระผู้เช่าซื้อต้องรับผิดชอบนะครับ แต่ถ้าได้มากกว่า ผู้ให้เช่าซื้อต้องคืนให้ผู้เช่าซื้อครับ
- การปิดบัญชีค่าเช่าซื้อก่อนครบกำหนดตามสัญญาในงวดเดียว ผู้เช่าซื้อต้องได้รับส่วนลดในดอกเบี้ยที่ยังไม่ถึง
กำหนดชำระ ไม่น้อยกว่า ๕๐ เปอร์เซ็น 
กฎหมายคุ้มครองผู้ครองผู้บริโภคครับ 

ออฟไลน์ jamnonk

  • ไมล์ 101-300
  • *
  • กระทู้: 142
  • คะแนน Like 7
  • จังหวัด: สมุทรสาคร
  • ชื่อเล่น: น้านงค์
Re: รถหาย..แล้วต้องผ่อนต่อไหม??
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: 28มี.ค.2012, 09:44:53 »
ขอบคุณครับ emo35
NDC.337 V-Cross 4Doors 3.0 VGS Z-Prestige i-GENii AT สีเทาแม็กซิกัน /ที่ส่งของ/.. นายจำนงค์  ไข่ม่วง บมจ.ทีโอที 929/11 ถ.สรศักดิ์ ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร 74000..

ออฟไลน์ Tanai_sign red

  • ไมล์ 601-1000
  • *
  • กระทู้: 611
  • คะแนน Like 18
Re: รถหาย..แล้วต้องผ่อนต่อไหม??
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: 29มี.ค.2012, 11:51:08 »
กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคก็ไม่ได้กำหนดไว้ตรงๆ ทุกอย่างเป็นดุลพินิจของศาล โดยคำนึงถึงทางได้เสียของคู่สัญญา และพิจารณาถึงข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ที่จริงการตรา พรบ.ฉบับนี้ขึ้นมาก็เพื่อจะช่วยเหลือเยียวยาให้แก่ผู้บริโภคได้ทันท่วงที มีเจ้าหน้าที่รัฐช่วยเขียนฟ้อง หาพยาน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องผู้ประกอบธุรกิจที่เอารัดเอาเปรียบ การดำเนินคดีต้องกระทำด้วยความรวดเร็ว ต้องนัดพิจารณาภายใน 30 วัน แต่ในทางปฏิบัติจริง ทุกวันนี้กลับกลายเป็นว่าผู้บริโภคเองกลับเป็นฝ่ายถูกฟ้องเองซะส่วนใหญ่ จากผู้ประกอบธุรกิจฐานผิดสัญญา และต้องหาเงินมาชำระเร็วขึ้น 30 วันรู้ผลคดี ถ้าไม่เลื่อนหรือมีการเจรจา ไม่ค่อยมีคดีกรณีแบบไปจุดไฟเผาหน้าโชว์รูมแบบนั้น

ในคดีเช่าซื้อที่ศาลจะตัดและเห็นใจก็เห็นจะเป็นค่าขาดประโยชน์ ซึ่งไฟแนนท์มักจะอ้างว่าสามารถจะนำรถออกให้เช่าได้เดือนละเท่านั้นเท่านี้ ซึ่งถือเป็นค่าเสียหายที่เรียกได้แต่ศาลตัดเยอะ แล้วความเสียหายล่ะ คนละอย่างกับค่าเสียหายนะ ทีแรกผมก็สับสนอยู่เหมือนกัน ความเสียหายก็คือ สิ่งที่เป็นอยู่จริงตามสัญญา กู้สินเชื่อไปเท่าไหร่ ผ่อนไปเท่าไหร่ ได้รับเงินจากประกันไปแล้วเท่าไหร่ หักกลบลบหนี้กันแล้วพอไหม ก็ดูตามความเป็นจริง เป็นเรื่อง ๆ ไป คำว่าให้ชดใช้พอสมควรนั้น ก็ต้องเอาข้อเท็จจริงตรงนี้มาประกอบด้วย จะเอาเรื่องของใครคนใดคนหนึ่งมาเป็นบรรทัดฐานสำหรับเราไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงต่างกัน ที่แน่ๆ ศาลตัดสินไม่เต็มตามที่เขาฟ้องเรียกค่าเสียหายครับ

ผู้เช่าซื้อจะมาอ้างว่าก็ไม่ได้รับประโยชน์จากทรัพย์ต่อไปแล้ว ส่วนที่เหลือฉันไม่ต้องจ่ายจบกันนะ แบบนี้ยกตัวอย่าง ถ้าผมจะบอกว่า เฮ้ยเพื่อนขอยืมทองใส่ไปงานแต่งพี่ที่ทำงานหน่อยซิ ไม่อยากอายเขา เพื่อนก็ให้ยืม พอเดินจะถึงปากซอยถูกกระชากไปซะงั้น เลยบอกเพื่อนว่า เฮ้ยเพื่อนฉันยังไปไม่ถึงงานเลยว่ะ ทองแกก็เจ๊ากันไปแล้วกัน คุณว่าเพื่อนคุณจะยอมไหม มันทำนองเดียวกัน ให้ลองมองในมุมกลับ ซึ่งไฟแนนท์ก็มีความคิดแบบนั้น อย่างน้อย ๆ ต้องได้ต้นเงินครบถ้วน ไม่งั้นก็ต้องอุทธรณ์ ฎีกาต่อไป ถ้าทำได้ ไม่จบง่ายครับถ้าดื้อแพ่ง

ออฟไลน์ JoeyZaza

  • ไมล์ 601-1000
  • *
  • กระทู้: 807
  • คะแนน Like 23
  • จังหวัด: ปทุมธานี
  • ชื่อเล่น: ต้น
Re: รถหาย..แล้วต้องผ่อนต่อไหม??
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: 29มี.ค.2012, 12:24:47 »
กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคก็ไม่ได้กำหนดไว้ตรงๆ ทุกอย่างเป็นดุลพินิจของศาล โดยคำนึงถึงทางได้เสียของคู่สัญญา และพิจารณาถึงข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ที่จริงการตรา พรบ.ฉบับนี้ขึ้นมาก็เพื่อจะช่วยเหลือเยียวยาให้แก่ผู้บริโภคได้ทันท่วงที มีเจ้าหน้าที่รัฐช่วยเขียนฟ้อง หาพยาน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องผู้ประกอบธุรกิจที่เอารัดเอาเปรียบ การดำเนินคดีต้องกระทำด้วยความรวดเร็ว ต้องนัดพิจารณาภายใน 30 วัน แต่ในทางปฏิบัติจริง ทุกวันนี้กลับกลายเป็นว่าผู้บริโภคเองกลับเป็นฝ่ายถูกฟ้องเองซะส่วนใหญ่ จากผู้ประกอบธุรกิจฐานผิดสัญญา และต้องหาเงินมาชำระเร็วขึ้น 30 วันรู้ผลคดี ถ้าไม่เลื่อนหรือมีการเจรจา ไม่ค่อยมีคดีกรณีแบบไปจุดไฟเผาหน้าโชว์รูมแบบนั้น

ในคดีเช่าซื้อที่ศาลจะตัดและเห็นใจก็เห็นจะเป็นค่าขาดประโยชน์ ซึ่งไฟแนนท์มักจะอ้างว่าสามารถจะนำรถออกให้เช่าได้เดือนละเท่านั้นเท่านี้ ซึ่งถือเป็นค่าเสียหายที่เรียกได้แต่ศาลตัดเยอะ แล้วความเสียหายล่ะ คนละอย่างกับค่าเสียหายนะ ทีแรกผมก็สับสนอยู่เหมือนกัน ความเสียหายก็คือ สิ่งที่เป็นอยู่จริงตามสัญญา กู้สินเชื่อไปเท่าไหร่ ผ่อนไปเท่าไหร่ ได้รับเงินจากประกันไปแล้วเท่าไหร่ หักกลบลบหนี้กันแล้วพอไหม ก็ดูตามความเป็นจริง เป็นเรื่อง ๆ ไป คำว่าให้ชดใช้พอสมควรนั้น ก็ต้องเอาข้อเท็จจริงตรงนี้มาประกอบด้วย จะเอาเรื่องของใครคนใดคนหนึ่งมาเป็นบรรทัดฐานสำหรับเราไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงต่างกัน ที่แน่ๆ ศาลตัดสินไม่เต็มตามที่เขาฟ้องเรียกค่าเสียหายครับ

ผู้เช่าซื้อจะมาอ้างว่าก็ไม่ได้รับประโยชน์จากทรัพย์ต่อไปแล้ว ส่วนที่เหลือฉันไม่ต้องจ่ายจบกันนะ แบบนี้ยกตัวอย่าง ถ้าผมจะบอกว่า เฮ้ยเพื่อนขอยืมทองใส่ไปงานแต่งพี่ที่ทำงานหน่อยซิ ไม่อยากอายเขา เพื่อนก็ให้ยืม พอเดินจะถึงปากซอยถูกกระชากไปซะงั้น เลยบอกเพื่อนว่า เฮ้ยเพื่อนฉันยังไปไม่ถึงงานเลยว่ะ ทองแกก็เจ๊ากันไปแล้วกัน คุณว่าเพื่อนคุณจะยอมไหม มันทำนองเดียวกัน ให้ลองมองในมุมกลับ ซึ่งไฟแนนท์ก็มีความคิดแบบนั้น อย่างน้อย ๆ ต้องได้ต้นเงินครบถ้วน ไม่งั้นก็ต้องอุทธรณ์ ฎีกาต่อไป ถ้าทำได้ ไม่จบง่ายครับถ้าดื้อแพ่ง

ผมก็เข้าใจตามนี้นะ

เราทำรถเค้าหาย ก็ต้องชดใช้ให้เค้า ไม่ถูกเหรอครับ