ผู้เขียน หัวข้อ: เพื่อนๆพี่ๆเติมเต็มถังจอแสดงบอกวิ่งกันได้กี่กิโลครับของผมผิดปกติไหมมัน?บอกแค่780กิโลเติมน้ำมันไป2200  (อ่าน 4683 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ delionote

  • ไมล์ 50-100
  • *
  • กระทู้: 88
  • คะแนน Like 1
 emo4ถ้าผมจำไม่ผิดมันเคยแจ้งบนจอแสดงผลการเติมครั้งล่าสุดที่950หรือ980นี้แหละครับตอนนี้กังวนมากศูนย์ปิดด้วยเพื่อนพี่ๆช่วยดูทีนะครับผมจะได้แน่ใจก่อให้ศูนย์เช็คครับ

ออฟไลน์ Tus-siridech

  • ไมล์ 601-1000
  • *
  • กระทู้: 835
  • คะแนน Like 38
  • ตัส เมืองขอน
NDC.No.1768

HI 4 DOOR 2500 VGS M/T เงินอาร์คติก

ออฟไลน์ chatchailtp

  • NDC No. 025
  • NDC. Staff Team
  • ไมล์ 1001-2000
  • *
  • กระทู้: 1836
  • คะแนน Like 40
  • มันก็แค่ทางขรุขระ จะไปกลัวมันทำไมกัน
รถของน้าตัวไหนอะครับ  2.5VGS  รึเปล่าครับ  ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วขับ 100-120  ก็ปกติดีนะครับ
เต็มถัง  76 ลิตร  ขับได้  950 = 12.5km/L  แต่ถ้า 980 จะเท่ากับ  12.89 km/L  ครับ ถ้าอยากจะขับประหยัดจริงๆ
สำหรับ ISUZU แล้วไม่ควรให้เกิน  100  นะครับ   หลักหน่วยคงมีขยับขึ้นดีกว่านี้นะครับ 
ลองทดสอบดูก็ได้นะครับ  ซัก  200-300  กิโลถ้าอยากมั่นใจจริงๆ  แต่  100 km ก็ได้ครับ

ออฟไลน์ ToRae

  • ไมล์ 1001-2000
  • *
  • กระทู้: 1816
  • คะแนน Like 3
  • เป็นต่อ เชียงใหม่ NDC 445 ครับ
รอรถอยู่เลยไม่มีข้อมูล emo3 แต่เท่าที่ไปลอง test driveรถ 0ดู ผมขับที่100 ตอนนั้นหน้าบัดบอก278กม. พอเร่ง120
กลับขึ้น280 กม. งง ได้ใจเลย ผมว่ามันไม่ค่อยตรงอะครับ แต่ไงก็รักนะน้องนิว emo15
น้องนิว เงินอาร์กติก

ออฟไลน์ chatchailtp

  • NDC No. 025
  • NDC. Staff Team
  • ไมล์ 1001-2000
  • *
  • กระทู้: 1836
  • คะแนน Like 40
  • มันก็แค่ทางขรุขระ จะไปกลัวมันทำไมกัน
รอรถอยู่เลยไม่มีข้อมูล emo3 แต่เท่าที่ไปลอง test driveรถ 0ดู ผมขับที่100 ตอนนั้นหน้าบัดบอก278กม. พอเร่ง120
กลับขึ้น280 กม. งง ได้ใจเลย ผมว่ามันไม่ค่อยตรงอะครับ แต่ไงก็รักนะน้องนิว emo15
ถ้าจะวัดแบบจริงๆจังๆ ต้องวัดด้วยตัวเอง ครับ คำนวณจากการเติมน้ำมันเอา  แล้วค่อยไปเทียบกับที่คอมพ์มันคำนวณ

ออฟไลน์ numtik2005

  • ไมล์ 50-100
  • *
  • กระทู้: 90
  • คะแนน Like 0
ประยุกต์จากวิธีวัดอัตราการสิ้นเปลือง(อิงจาก review ใน headlightmag.com)

1. เติมน้ำมันที่ไหน จำปั๊มกับหัวจ่ายไว้ แล้วเติมให้เต็มถังเขย่ารถไล่อากาศ ทำซ้ำๆจนกว่าจะเติมเข้าไปไม่ได้
2. เลือกเส้นทางที่รถไม่คับคั่ง เอาซัก 50 โลขึ้นไป วนกลับมาที่ปั๊มข้างบน(ช่วงกลางคืนบนทางด่วนจะดีมาก)
3. เติมน้ำมันเข้าถังแบบ ข้อ 1
4. เติมน้ำมันไปเท่าไหร่ เอาไปหารกับ ระยะทางที่วิ่งได้ จะได้อัตราการสิ้นเปลืองออกมา
5. ทำซ้ำสัก 3 รอบ เพื่อหาค่าเฉลี่ยออกมา

อย่าไปเชื่อเลยครับ ตัวเลขบนหน้าจอ คลาดเคลื่อนมากๆ  emo12


ออฟไลน์ chatchailtp

  • NDC No. 025
  • NDC. Staff Team
  • ไมล์ 1001-2000
  • *
  • กระทู้: 1836
  • คะแนน Like 40
  • มันก็แค่ทางขรุขระ จะไปกลัวมันทำไมกัน
ประยุกต์จากวิธีวัดอัตราการสิ้นเปลือง(อิงจาก review ใน headlightmag.com)

1. เติมน้ำมันที่ไหน จำปั๊มกับหัวจ่ายไว้ แล้วเติมให้เต็มถังเขย่ารถไล่อากาศ ทำซ้ำๆจนกว่าจะเติมเข้าไปไม่ได้
2. เลือกเส้นทางที่รถไม่คับคั่ง เอาซัก 50 โลขึ้นไป วนกลับมาที่ปั๊มข้างบน(ช่วงกลางคืนบนทางด่วนจะดีมาก)
3. เติมน้ำมันเข้าถังแบบ ข้อ 1
4. เติมน้ำมันไปเท่าไหร่ เอาไปหารกับ ระยะทางที่วิ่งได้ จะได้อัตราการสิ้นเปลืองออกมา
5. ทำซ้ำสัก 3 รอบ เพื่อหาค่าเฉลี่ยออกมา

อย่าไปเชื่อเลยครับ ตัวเลขบนหน้าจอ คลาดเคลื่อนมากๆ  emo12
ข้อ 1 นี่สำคัญที่สุดเลย  เพราะการเติมแต่ละครั้งถ้าต่างที่ต่างปั้ม การเติมจะได้ปริมาณแตกต่างกันเอาการเลย  เป็นไปได้อยากให้เวลาใกล้เคียงกัน และอุณหภูมิใกล้เคียงกันมากๆ  จะเป็นผลดีมากเลยครับ 

ออฟไลน์ konze

  • ไมล์ 2001-3000
  • *
  • กระทู้: 2401
  • คะแนน Like 58
ประยุกต์จากวิธีวัดอัตราการสิ้นเปลือง(อิงจาก review ใน headlightmag.com)

1. เติมน้ำมันที่ไหน จำปั๊มกับหัวจ่ายไว้ แล้วเติมให้เต็มถังเขย่ารถไล่อากาศ ทำซ้ำๆจนกว่าจะเติมเข้าไปไม่ได้
2. เลือกเส้นทางที่รถไม่คับคั่ง เอาซัก 50 โลขึ้นไป วนกลับมาที่ปั๊มข้างบน(ช่วงกลางคืนบนทางด่วนจะดีมาก)
3. เติมน้ำมันเข้าถังแบบ ข้อ 1
4. เติมน้ำมันไปเท่าไหร่ เอาไปหารกับ ระยะทางที่วิ่งได้ จะได้อัตราการสิ้นเปลืองออกมา
5. ทำซ้ำสัก 3 รอบ เพื่อหาค่าเฉลี่ยออกมา

อย่าไปเชื่อเลยครับ ตัวเลขบนหน้าจอ คลาดเคลื่อนมากๆ  emo12

เขาทำมาให้ดูเล่นๆๆนะครับ เพื่อความสะดวก ค่าแต่ละครั้ไท่กันแล้วแต่ตีนเราครับ

ออฟไลน์ chatchailtp

  • NDC No. 025
  • NDC. Staff Team
  • ไมล์ 1001-2000
  • *
  • กระทู้: 1836
  • คะแนน Like 40
  • มันก็แค่ทางขรุขระ จะไปกลัวมันทำไมกัน
ประยุกต์จากวิธีวัดอัตราการสิ้นเปลือง(อิงจาก review ใน headlightmag.com)

1. เติมน้ำมันที่ไหน จำปั๊มกับหัวจ่ายไว้ แล้วเติมให้เต็มถังเขย่ารถไล่อากาศ ทำซ้ำๆจนกว่าจะเติมเข้าไปไม่ได้
2. เลือกเส้นทางที่รถไม่คับคั่ง เอาซัก 50 โลขึ้นไป วนกลับมาที่ปั๊มข้างบน(ช่วงกลางคืนบนทางด่วนจะดีมาก)
3. เติมน้ำมันเข้าถังแบบ ข้อ 1
4. เติมน้ำมันไปเท่าไหร่ เอาไปหารกับ ระยะทางที่วิ่งได้ จะได้อัตราการสิ้นเปลืองออกมา
5. ทำซ้ำสัก 3 รอบ เพื่อหาค่าเฉลี่ยออกมา

อย่าไปเชื่อเลยครับ ตัวเลขบนหน้าจอ คลาดเคลื่อนมากๆ  emo12

เขาทำมาให้ดูเล่นๆๆนะครับ เพื่อความสะดวก ค่าแต่ละครั้ไท่กันแล้วแต่ตีนเราครับ
ตามที่ข้อมูลทางบริษัทอ้างว่า รถของตนสามารถทำระยะทางได้เท่านี้  ประหยัดน้ำมันได้เท่านี้  บางท่านอาจจะตีความหมายผิด
และเข้าใจผิดก็ได้นะครับ  ยกตัวอย่างเช่น  น้ำมันหนึ่งถึงสามารถขับได้เป็นพันๆกิโล  หรือ น้ำมันหนึ่งลิตรสามารถขับได้เป็นสิบๆกิโล
อันนี้ก็เป็นความจริงครับ  มันทำได้จริง  เพียงแต่เราไปตีความหมายที่เค้าสื่อผิดๆหน่ะครับ 
หลายคนจะพูดว่าขับปกติทำไม่ได้หรอก  โม้รึเปล่าอะไรแบบนี้  ผมต้องขอเรียนให้ทราบนะครับ  ที่เค้าทำได้แบบนั้นคือ
ค่าที่สูงที่สุดของเครื่องยนต์รุ่นนั้นๆ ยี่ห้อนั้นๆ ที่เค้าสามารถทำได้   แต่ที่เราขับมันเป็นค่าเฉลี่ยครับ  มันไม่ใช่ค่าสูงสุดแต่อย่างใด

จึงขอเรียนสำหรับท่านที่อาจจะมีอคติกับเรื่องแบบนี้อยู่  อยากจะให้เข้าใจว่าที่เค้าทำแบบนั้นเพื่อที่จะบอกอะไร

ปล.คงไม่มีใครหรอกที่จะเอาหน้าตาที่แย่ๆ หรือโทรมๆ ไปอวดเขา  มีแต่แต่งองทรงเครื่องทั้งนั้น

ออฟไลน์ ToRae

  • ไมล์ 1001-2000
  • *
  • กระทู้: 1816
  • คะแนน Like 3
  • เป็นต่อ เชียงใหม่ NDC 445 ครับ
ผมเดินทางไปทำงานไปกลับวันละ30 กม. ทำงาน6วัน 180 กม. เติมน้ำมัน 800 บาทใช่ได้ต่อ 1อาทิตย์ผมก็พอใจแล้วครับ

น้องนิว เงินอาร์กติก

ออฟไลน์ Tg

  • ไมล์ 101-300
  • *
  • กระทู้: 298
  • คะแนน Like 1
  • No.NDC 100
เชื่อตัวเลขที่แสดงมากไม่ได้หรอครับ มันมี+ - แน่นอน

ออฟไลน์ SEKSAN047

  • NDC. Staff Team
  • ไมล์ 8001-9000
  • *
  • กระทู้: 12437
  • คะแนน Like 490
  • น้าเสก E24OQP Tel. 081-926-6369 NDC.158
  • จังหวัด: โซนตะวันออก ระยอง...
  • ชื่อเล่น: ใครๆก็เรียกผมว่า น้าเสก...
ข้อมูลตามที่น้าเธค เล่ามาก้อเป็นความจริงครับ แต่ที่แน่ๆการที่เราจะทราบว่าการประหยัดหรือไม่ประหยัดนั้น เป็นการคาดเดาซะเป็นส่วนใหญ่ มันมีหลายปัจจัยที่มาเกี่ยวข้องครับ อย่างเช่น
 - ราคาน้ำมันปัจจุบันซึ้งมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย
 - การจราจรที่ไม่แน่นอน
 - ใช้อัดตราเร่งที่ไม่คงที่
 - อุณหภูมิและสภาพอากาศของแต่ละพื้นที่
 - เส้นทางที่ใช้เป็นทางสูงต่ำหรือลาดชัน
** โดยปกติแร้วการทดลองส่วนใหญ่ของรถรุ่นต่างๆ แต่ละยี่ห้อจะทำการทดลองในห้องทดลองที่ใช้ Comupter เป็นตัวเช็คก่อนที่จะนำมาทดสอบบนถนนจริง และนำมาคิดค่าเฉลี่ยที่ทำได้ก่อนที่เค้าจะลงโฆษณาว่าประหยัดน่ะครับ.. emo1

การทดสอบประหยัดน้ำมัน

เครื่องยนต์ยุคใหม่ถูกพัฒนาขึ้นสวนทางกับขีดจำกัดเดิมๆ อยู่เสมอ แรงขึ้น แต่ต้องประหยัด และมลพิษต่ำ ผู้ผลิตทุกรายล้วนทำได้ แต่รายใดประสบความสำเร็จมากหน่อย ก็เอาตัวเลขความประหยัดมาโฆษณาเรียกร้องความสนใจ ผู้บริโภคจะเชื่อตัวเลขเหล่านั้นได้ไหม ? เพราะเมื่อใช้งานจริง ไม่เคยทำได้ตามนั้นเลย ตัวเลขแสดงความประหยัด โดยทั่วไปแล้วการดูความประหยัดของรถยนต์แต่ละคัน มักจะใช้ระยะทางกับปริมาตรของน้ำมันเชื้อเพลิงมาคำนวณเปรียบเทียบกัน ซึ่งทั่วโลกไม่ได้ใช้หน่วยเป็นกิโลเมตร/ลิตรเสมอไป ต้องแล้วแต่หน่วยปริมาตรหรือหน่วยระยะทางที่ใช้ในประเทศนั้นๆ เช่น ไมล์/แกลลอน (แกลลอนก็มีหลายหน่วย) หรืออย่างในยุโรป แม้เป็นกิโลเมตรและลิตรเหมือนกับที่คนไทยนิยม แต่ก็ต่างกัน เพราะคิดและแสดงผลออกมาเป็น กี่ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ดังนั้นต้องอ่านให้ละเอียด

 

ถ้าจะเปรียบเทียบกันในแบบต่างหน่วย ก็ต้องคำนวณกันให้ถูกต้อง ระยะทาง 1 ไมล์ = 1.609334 กิโลเมตร, ปริมาตร 1 แกลลอน ยูเอส = 3.7853 ลิตร, 1 แกลลอน อังกฤษ = 4.5496 ลิตร

ในไทยนิยมแสดงผลหรือคิดกันเป็นอัตรา กิโลเมตร/ลิตร เพราะใช้การวัดระยะทางเป็นกิโลเมตร และจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในหน่วยลิตร

วิธีทดสอบ
ในเอกสารโฆษณาของบริษัทรถยนต์ มักมีการอ้างอิงถึงความประหยัดน้ำมันฯ และมักจะมีข้อความกำกับเกี่ยวกับเส้นทางทดสอบ ลักษณะ และความเร็วประมาณเท่าไร หรือบอกเพียง ขับความเร็วคงที่ ที่ 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในสนามทดสอบ หรือบนถนนหลวง ฯลฯ ถ้าเป็นตัวเลขจากผู้ผลิต มักจะเป็นการทดสอบด้วยความเร็วคงที่ ในสนามทดสอบ หรือเส้นทางเรียบโล่ง เพื่อไม่ให้มีตัวแปรอื่นๆ มากวน เพราะแสดงผลได้แม่นยำ และถ้ามีการทดสอบซ้ำก็น่าจะได้ผลใกล้เคียงเดิมที่สุดการขับก็มักจะนั่งคน เดียว การวัดใช้เครื่องมือพิเศษ ไม่ใช่ดูจากตัวเลขบนมาตรวัดบนหน้าปัด เพราะอาจมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ โดยอาจทำถังน้ำมันฯ แบบใสแยกออกมาแสดงปริมาตรอย่างชัดเจนการวัดระยะทางทำด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ปรับตั้งจนตรงกับระยะทางจริงๆ ต่างจากมาตรวัดบนหน้าปัดที่มีเพี้ยนน้อยกับเพี้ยนมากการทำความเร็วคงที่มี ระบบควบคุมพิเศษ เพื่อให้รอบเครื่องยนต์และความเร็วของรถยนต์นิ่งคงที่จริงๆ

เส้นทางทดสอบทำในสนามเฉพาะ ที่ลมไม่แรง เส้นทางเรียบโล่ง ไม่มีรถยนต์คันอื่นๆ มากวน บางครั้งมีการล็อกคันเร่งกันเลยคนไม่ต้องเหยียบ มีการทดสอบหลายครั้ง จนมั่นใจว่าได้ตัวเลขที่แน่นอน จึงนำผลการทดสอบนั้นออกมาโฆษณา เพราะถ้าหน่วยงานที่คุ้มครองผู้บริโภคสงสัยแล้วให้ทดสอบซ้ำ จะได้ใกล้เคียงกันและไม่โดนเล่นงานผู้ผลิตทุกรายต้องพยายามทดสอบให้ได้ตัว เลขออกมาประหยัดมากๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้ซื้อ แต่เงื่อนไขที่ใช้ทดสอบไม่ตรงกับการใช้งานจริง เช่น ขับด้วยความเร็วคงที่ 60 กิโลเมตร/ชั่วโมงและปิดแอร์ ซึ่งไม่มีใครขับช้าขนาดนั้นบนถนนหลวง และผู้ใช้รถยนต์เกือบทั้งหมดก็ต้องเปิดแอร์ขณะขับระยะหลังมานี้ก็ยังมีผู้ ผลิตหลายราย ที่ยังใช้เงื่อนไขการทดสอบแตกต่างจากการใช้งานจริงอยู่ไม่น้อย แต่ก็เริ่มมีผู้ผลิตบางรายที่เพิ่มความเร็วที่ใช้ในการทดสอบ เช่น ใช้ความเร็วคงที่ในช่วง 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไล่ไปจนถึง 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ก็ไม่มากรายนัก เพราะตัวเลขความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ออกมาเป็นกิโลเมตร/ลิตรจะน้อย จนลดความน่าสนใจลงไปด้วย

อาจมีข้อโต้แย้งว่า การขับด้วยความเร็วคงที่ ย่อมประหยัดกว่าสภาพการขับจริง ที่ต้องมีการลดและเพิ่มความเร็วบ่อยกว่า นั่นเป็นเรื่องจริง แต่การที่บริษัทรถยนต์ต้องทำเช่นนั้น เพราะต้องการให้มีเงื่อนไขที่อ้างอิงได้ชัดเจนถ้าจะทดสอบคล้ายกับการใช้งาน จริง ก็อาจจะได้ผลที่ผิดเพี้ยนจากสารพัดตัวแปร และดูเลื่อนลอย เช่น บอกว่าขับทางไกล แล้วขับแบบไหน เร่งแซงบ่อยหรือไม่ เส้นทางคดเคี้ยวหรือการจราจรคับคั่งหรือเปล่า หากบอกว่าขับในเมือง เดี๋ยวจอด เดี๋ยวออกตัว ในเมืองการจราจรติดหนักขนาดไหน ทางด่วนรวมด้วยหรือไม่…ตัวแปรมากมายเต็มไปหมด ! ดังนั้นถ้าใครสนใจตัวเลขความประหยัดจากผู้ผลิต ก็ควรนำมาอ้างอิงบ้างเท่านั้น โดยมองกว้างๆ ว่า ในการขับจริงนั้นใช้ความเร็วสูงกว่าและไม่ค่อยคงที่ เปิดแอร์ นั่งหลายคน ความประหยัดต้องไม่เท่ากันแน่ๆ โดยอาจแตกต่างกันหลายกิโลเมตร/ลิตร ส่วนการขับในเมือง เดี๋ยวเร่งเดี๋ยวจอดนั้น ย่อมกินน้ำมันมากกว่าขับทางไกลความเร็วคงที่เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่ผู้ผลิตแสดงตัวเลขเกินจริงเสมอไป เพราะถ้ามีหน่วยงานราชการสงสัย ขอทดสอบซ้ำแล้วไม่ได้ผลตามที่ระบุไว้ อาจมีปัญหาได้ แต่เป็นเพราะเงื่อนไขการทดสอบมีความแตกต่างจากการใช้งานจริง และมักเป็นเงื่อนไขแปลกๆ ที่ทำให้ตัวเลขออกมาสวยๆ

ทำไมประหยัดขึ้น ?
เงื่อนไขในการทดสอบของผู้ผลิตตลอดนับสิบปีที่ผ่านมามักคล้ายกัน เช่น ใช้ความเร็วคงที่ ปิดแอร์ ขับคนเดียว บนเส้นทางเรียบโล่ง แต่ทำไมระยะหลังมานี้ รถยนต์ส่วนใหญ่ประหยัดขึ้น ?สมัยก่อนตัวเลขของรถยนต์เครื่องยนต์เบนซิน ระดับ 1,300-1,600 ซีซี ข้บด้วยความเร็วคงที่ช้าๆ ยังป้วนเปี้ยนแถวๆ 15 กิโลเมตร/ลิตร แต่ทำไมปัจจุบันนี้ขยับมาแถวๆ 20 กิโลเมตร/ลิตร โม้หรือเปล่า ?ในทางวิศวกรรมแล้ว ผู้ผลิตทุกรายล้วนพยายามพัฒนาเครื่องยนต์ให้มีกำลังสูงขึ้น โดยไม่ต้องเพิ่มซีซี แต่มีความสิ้นเปลืองและมลพิษต่ำลง จริงอยู่…ม้าต้องกินหญ้าถึงจะมีแรง แต่ก็อยากให้หญ้า (น้ำมันเชื้อเพลิง) ที่กินเข้าไป แปรสภาพเป็นกำลังงานให้ได้มากที่สุด เมื่อมีกำลังมากขึ้นต่อน้ำมันฯ แต่ละหยด ก็สามารถเลือกอัตราทดของระบบส่งกำลังให้เอื้อต่อสมรรถนะและความประหยัดควบ คู่กันได้มีหลากหลายเทคโนโลยีที่ทำให้เครื่องยนต์ยุคใหม่เป็นเช่นนั้น เช่น ระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ฝาสูบที่ดี โลหะวิทยาที่ทั้งทำให้ชิ้นส่วนทั้งเบา ลื่น และทนทาน ฯลฯลองนึกง่ายๆ ว่า รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ 1,600 ซีซี รุ่นเมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว มีเรี่ยวแรงไม่ถึง 100 แรงม้า พอมาถึงรุ่นปัจจุบัน ซีซีเท่าเดิม แต่แรงกว่าเดิม จนแรงถึงระดับ 130-150 แรงม้า ในขณะที่กินน้ำมันพอๆ กับแต่ก่อนหรือประหยัดกว่า จริงๆ แล้ว ตัวเลขความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง จากผู้ผลิตส่วนใหญ่นั้นเชื่อถือได้ อย่าเพิ่งรีบมองว่าโม้ เพราะมักมีการทดสอบกันอย่างละเอียด แม้จะทำโดยทีมงานเอง ซึ่งพยายามอย่างยิ่งที่จะให้ได้ตัวเลขสวยๆ แต่ก็อยู่ในเงื่อนไขที่ระบุไว้เสมอ และไม่ตรงกับลักษณะในการใช้งานจริง ถ้าตัวเลขความสิ้นเปลืองแตกต่างกันก็ไม่น่าแปลกใจ

เป็นข้อมูลที่พอจาหามาได้เท่านี้ครับ แต่อาจจามีมากกว่านี้ท่านลองๆหาดูครับ... emo1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23ม.ค.2012, 06:14:53 โดย SEKSAN047 »

น้าเสก รับติดตั้งท่อแทนแคท(ยูเลส) ตระแกรงกันหิน-กรองแอร์ อุด+ฝัง EGR (U.3 U.4) โทร.081-926-6369 ...ฮิ

ออฟไลน์ สุวรรณ

  • กำลังสะสมไมล์
  • *
  • กระทู้: 35
  • คะแนน Like 0
ของผมมันจะโชว์ 970 ตลอดหลังเติมน้ำมัน แต่อย่าไปเชื่อมากนักเพราะมันจะไม่โชว์หลักหน่วยตลอดเวลา(0ตลอด)และบางทีก็ขึึ้นๆลงๆไม่แน่นอน
น่ะครับ

ออฟไลน์ Mod-Dum®Shop+

  • บริการกันเป็นกันเอง...
  • NDC. Staff Team
  • ไมล์ 8001-9000
  • *
  • กระทู้: 10704
  • คะแนน Like 381
  • จังหวัด: รังสิต-คลองสาม ธัญญ 086-5200520
  • ชื่อเล่น: น้าภพ คลอง3
กรองแอร์+ฝาปิด Dmax ทุกรุ่น/อุดEGRUro3-4/1.9/Service ทุกระยะ/ตะแกรงกันหิน/โลโก้แดงแท้/Hilanderแท้//AT Meter/ท่ออินเตอร์/ท่อแทนเเคท/คันเร่งไฟฟ้า/Super fast /Remap/ประดับยนต์อื่นๆชมด้านใน-->http://www.newdmax-club.com/index.php/topic,2212.0.html[/color

 

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

  หัวข้อ / เริ่มโดย ตอบ กระทู้ล่าสุด
20 ตอบ
3633 อ่าน
กระทู้ล่าสุด 29ก.ค.2012, 00:24:23
โดย ANAN.