โทษทีครับ จำผิดจริงๆ เป็นแค่ nanochange เอาไปอ่านแบบเต็มๆ credit : headlightmag.com
----------------------------------------------
ISUZU
2012 : D-MAX Nanochange ปรับอุปกรณ์เล็กน้อย
2013 : D-MAX Minorchange
2014 : MU-7 Full Model Change / RT-50 BIG Minorchange
ในที่สุด Isuzu ก็จัดงานเปิดตัวรถกระบะ D-MAX รุ่นใหม่ รหัสโครงการ RT-50 อย่างยิ่งใหญ่อลังการ
ณ Challenger Hall เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2011 ถือเป็นวันที่ Isuzu ตัดสินใจ เปลี่ยน
ภาพลักษณ์ และการทำตลาดรถกระบะของตน ครั้งใหญ่ที่สุด เท่าที่พวกเขาเคยทำมา พลิกโฉมหน้า
วงการรถกระบะเมืองไทยให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมโหฬารอีกครั้งในรอบ 9 ปี
แม้จะเปิดตัวไปแล้ว และต้องเจอกับปัญหาอุทกภัยในเขตพื้นที่ราบลุ่มภาคกลางอย่างหนัก จนต้อง
ออกแรงระดมความช่วยเหลือจากทั้งสื่อมวลชน และดารา-นักแสดง ลงพื้นที่ช่วยผู้ประสบภัยที่อยุธยา
แต่ยอดสั่งจองของ D-MAX ก็พุ่งพรวดขึ้นไปถึงระดับ 15,000 คัน จากทั่วประเทศ ในสัปดาห์แรก
ที่เปิดตัว ถือเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมมาก
ปัญหาก็คือ จะส่งมอบรถล็อตใหญ่เหล่านี้ หมดลงเมื่อใด เพราะ Isuzu เอง ก็ประสบปัญหาขาดแคลน
ชิ้นส่วนอะไหล่ในการประกอบรถยนต์เหมือนกับผู้ผลิตแทบทุกค่าย แถมโรงงานผลิตเครื่องยนต์ ยัง
ตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ซึ่งต้องหยุดการผลิตไปนานเป็นเดือน เพื่อเตรียมป้องกัน
ปัญหาน้ำท่วมทะลักเข้าพื้นที่โรงงาน โชคยังดีที่การณ์กลับกลายเป็นว่า น้ำหลาก มาถึงลาดกระบัง อย่าง
แผ่วเบา และดรงงานผลิตเครื่องยนต์ของ Isuz ก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย ดังนั้น Isuzu จึงกลับมา
เริ่มการผลิตได้อีกครั้ง เร็วกว่าที่การคาดการณ์ไว้
หลังจากนั้น Isuzu ได้เริ่มทะยอยเปิดตัว D-Max ใหม่ ในตลาดต่างๆ โดยเฉพาะในยุโรป และโซน
ตะวันออกกลาง ดังนั้น โรงงานปัจจุบันของ Isuzu สำหรับผลิตรถบรรทุกขนาดเล็ก กลาง และใหญ่
ที่นิคมอุตสาหกรรม Gateway จึงต้องมีการขยายการลงทุนเพิ่ม ด้วยการสร้างโรงงานใหม่อีกแห่ง
ในพื้นที่เดียวกัน มูลค่า 6,500 ล้านบาท เริ่มงานในช่วงปลายปี 2011 ที่ผ่านมา จะช่วยเพิ่มยอดผลิต
ให้ Isuzu ได้อีกรวม 200,000 - 250,000 แสนคัน (รวมยอดส่งออกแล้ว) โรงงานใหม่จะเริ่มต้นการ
ส่งออกไปยังตลาดโลก ตั้งแต่ต้นปี 2012 โดยตลาดหลักของ Isuzu นอกเหนือจากไทยแล้ว จะอยู่ที่
ดินแดนตะวันออกกลาง (อิสราเอล ตอร์แดน ซาอุดิอาระเบีย) เป็นอันดับ 1 รองลงมาคือ ยุโรป เช่น
โปแลนด์ ฯลฯ เป็นเบอร์ 2 แบ่งสัดส่วนการผลิตรถส่งออก กับ รถจำหน่ายในประเทศไทย 50 : 50
เลยทีเดียว
จากนั้น ก็จะเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการ ปรับอุปกรณ์ กันปีละ 1 ครั้ง ทั้งในปี 2012 และ 2013 คาดว่า น่าจะ
เกิดขึ้นในช่วงทุกไตรมาส 3 ของแต่ละปี พอล่วงเข้าปี 2014 จะต้องมีการปรับโฉมขนานใหญ่ ในระดับ
Big Minorchange ให้โฉบเฉี่ยวยิ่งกว่านี้อีก เพื่อเตรียมรับมือ และต่อกรกับการเปิดตัว รุ่นเปลี่ยนโฉม
Full Model Change ของ Toyota Hilux เจเนอเรชันใหม่ รหัสโครงการ IMV2 ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการ
พัฒนา และมีกำหนดจะคลอดออกมาในช่วง กลาง ถึง ปลายไตรมาส 3 ปี 2014 สำหรับชื่อรุ่นย่อยพิสดาร
ที่ Isuzu สรรหามาตั้ง จะมีอีกหรือไม่ ยังยากเกินจินตนาการ
ส่วนใครที่รอ เวอร์ชัน SUV หรือรุ่นเปลี่ยนโฉมของ MU-7 นั้น คุณหมู ปนัดดา เจณนวาสิน ผู้บริหาร
หญิงเหล็กของ Isuzu ประกาศบนเวทีงานวันเปิดตัวชัดเจนแล้วว่า จะไม่มีการเปิดตัว MU-7 ใหม่ใน
ช่วง 2 ปีนี้อย่างแน่นอน นั่นหมายความว่า ปี 2012 - 2013 เราจะไม่ได้เห็น MU-7 เจเนอเรชันต่อไป
เปิดตัวกันแน่ๆ
แต่ปัญหาก็คือ แล้วในปี 2014 ละ เราจะได้เห็น MU-7 ใหม่กันหรือเปล่า? เพราะขณะนี้ แม้ว่าตัวรถ
จะถูกพัฒนาไปพอสมควรแล้ว และจะต้องใช้พื้นฐานของเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง กับเฟรมแชสซี
ร่วมกับ D-Max ใหม่ก็ตาม แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า มีแนวโน้มที่ผู้บริหารฝั่งญี่ปุ่นเกิดอยากจะถอดใจขึ้นมา
อยากจะฝากถึงพี่หมู ปนัดดา และชาว Tri Petch Isuzu Sales รวมทั้ง Isuzu Technical Asia Pacific
และ Isuzu Motor co. ประเทศญี่ปุ่น ไว้ตรงนี้ว่า "ผมเป็นคนหนึ่งที่ยังขอเอาใจช่วย เพราะผมยังคง
อยากเห็น MU-7 ใหม่ ให้สำเร็จเป็นรถคันจริง และพร้อมสำหรับการทำตลาด ในปี 2014 อยู่ดี ผมยัง
อยากเห็น Isuzu มีตัวเลือกเลือกในตลาดกลุ่ม Pickup based SUV สำหรับผู้บริโภคชาวไทย เพียงแค่
ตัวรถต้องมีงานออกแบบ ที่สวยงาม มั่นคง และดูได้นาน ไม่มีเบื่อ อรรถประโยชน์ใช้สอยทำได้ดี
และมีช่วงล่างที่ หนึบแน่น มั่นคง กับการตอบสนองของพวงมาลัย และระบบเบรกที่มั่นใจได้ใน
การขับขี่ทางไกล เพียงแค่นี้ คือสิ่งที่จะเติมเต็มลงไปบนโครงสร้างวิศวกรรมของ D-Max และทำให้
MU-7 รุ่นต่อไป สามารถรับมือกับ Toyota Fortuner , Mitsubishi Pajero Sport , Chevrolet Trailblazer
Ford Everest ไปจนถึง Nissan Navara PPV ที่เตรียมจะคลอดกันในปี 2014 - 2015 ได้สบายๆ และ
จะทำให้ลูกค้าที่ไม่เคยคิดจะซื้อ Isuzu ตัดสินใจหันมาซื้อ MU-7 มากขึ้น"
แม้แต่คนของ บริษัทคู่แข่งของ Isuzu ยังเคยพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว และบอกกับผมไว้ดังนี้...
"ในฐานะคนที่ทำรถยนต์ด้วยกัน ผมอยากเห็น พี่หมู ปนัดดา และทีมของ Isuzu ผลักดัน MU-7 ใหม่
ให้สำเร็จ เพราะส่วนตัวผมเอง อยากเห็น คนไทย มีตัวเลือกรถยนต์ในตลาดเยอะๆ และมีรถยนต์ดีๆ
ได้ใช้ สมกับที่ผู้บริโภคต้องทำงานเก็บหอมรอมริบ จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อมาใช้สักคัน และในฐานะ
คนทำรถยนต์ แล้ว การแข่งขันจะได้สนุก ผมไม่อยากเห็น Isuzu ต้องถอนตัวจากตลาดตรงนี้ไป เวลา
แข่งกันแล้วรู้สึกสนุกดี มันกระตุ้นให้เราเองก็เกิดความสนุกในการทำงานด้วย"
เอาใจช่วยนะครับ Isuzu !!