D.I.Y. ควรหมั่นตรวจวัดระดับน้ำมันเครื่องอย่างเป็นประจำ
การตรวจวัดระดับน้ำมันเครื่องอย่างเป็นประจำ ช่วยป้องกันปัญหาอื่นๆ ได้มากมายเพียงแค่วิธีง่ายๆ ตามมาดูกัน เพราะว่าการที่เรารู้อะไรได้ล่วงหน้า ก็ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลย สุดท้ายเครื่องพัง บระเจ้าช่วย......
ขั้นตอนในการตรวจวัดระดับน้ำมันเครื่อง ก็มีดังนี้
1. ในตอนเช้าก่อนติดเครื่องยนต์ หรือหลังจากดับเครื่องยนต์ไปแล้ว 15 นาที ทำการดึงไม้วัดระดับน้ำมันเครื่องออกมา แล้วใช้ผ้าสะอาดทำการเช็ดให้แห้ง
2. ทำการเสียบไม้วัดระดับน้ำมันเครื่องกลับคืนที่เดิมจนสุด โดยดันลงจนได้ยินเสียงล็อค
3. เสียบทิ้งเอาไว้สัก 15-30 วินาที จึงทำการชักไม้วัดน้ำมันเครื่องออกมา ทำการวัดระดับน้ำมันเครื่อง
4. เพื่อความแม่นยำและถูกต้อง ควจต้องกระทำซ้ำอย่างน้อย 2-3 รอบ เพื่อความแม่นยำในการอ่านค่า
5. ระดับน้ำมันเครื่องที่ดี และถูกต้อง ควรจะต้องอยู่ระหว่าง จุดบน และจุดล่าง
6. หากพบว่าระดับน้ำมันเครื่องมีค่าน้อยเกินไป ควรที่จะต้องทำการเติมเพิ่ม แล้วตรวจวัดจากไม้วัดระดับน้ำมันเครื่องอีกครั้ง โดยค่อยๆ เติมลง แล้ววัดค่า หากทำการเติมมากจนเกิน อาจจะเลยจุดบนสุดได้
7. เมื่อทำการตรวจวัดระดับน้ำมันเครื่องเสร็จแล้ว ต้องเสียบไม้วัดระดับน้ำมันเครื่องลงที่เดิมให้สุด จนได้ยินเสียงล็อค เป็นอันว่าใช้ได้ ห้ามลืมโดยเด็ดขาด
จากข้อความด้านบน ใครๆ เขาก็ทำได้ แล้วน้า yai6000 มาบอกทำไม ???
1. จากรูป เป็น Name Plate ของเครื่องยนต์ Isuzu D-Max Commonrail ปี 2008 เครื่องยนต์
2,500 cc. เป็นรถยนต์ 4 ประตู ใช้งานต่างจังหวัด พอดีว่าเจ้าของรถ เอารถของตัวเองไปซ่อม ก็เลย
ไปยืมรถพ่อมาใช้
2. อายุรถประมาณ 5 ปี วิ่งมาได้ระยะทาง 150,000 Km. ก็ดูปกติดีทุกอย่าง
3. และแล้วก็เจอปัญหาว่า วัดระดับน้ำมันเครื่องแล้ว ไม่เจอน้ำมันเครื่องเลย ไม่ติดปลายก้านวัด
มาสักนิดนึงก็ไม่มี สงสัย !!!! เหมือนกันขับมาได้อย่างไร ไม่มีอะไรแจ้งเตือนเลยหรือ งงงงงง
4. ลองติดเครื่องยนต์เดินเบา หรือตั้งแต่ที่เจ้าของรถ รับรถของพ่อมาใช้จากต่างจังหวัด พบว่าไฟเตือน
รูปกาน้ำมันเครื่องไม่โชว์ หรืออาจจะเป็นไปได้ไหมว่า ถ้าไฟเตือนรูปกาน้ำมันเครื่องโชว์แสดงว่าไม่มี
แรงดันน้ำมันเครื่องในระบบแล้ว ก็คือไม่มีน้ำมันเครื่องแล้ว ถึงจะโชว์ ใช่หรือเปล่า ???
5. ตามไปแอบดูในเครื่องยนต์กันหน่อย โอ้โห้....ทำไมถึงได้ดำคล้ำเยี่ยงนี้ เห็นแค่นี้ก็รู้แล้วว่าข้างใน
จะขนาดไหน
6. ทำการถ่ายน้ำมันเครื่องออกมา พบว่าได้น้ำมันเครื่องที่เหลือออกมาแค่ 3 ลิตร ทั้งๆ ที่ตะแคง
ถ่ายด้วย แต่ตอนที่ใส่น้ำมันใหม่เข้าไป ใช้ถึง 7.5 ลิตร เนื่องจากเปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่อง และทำ
การตะแคงเอาออกด้วย คำนวณกันเล่น ๆ 7.5 ลิตร ลบด้วย 3 ลิตร เท่ากับ 4.5 ลิตร หายไปไหน
4.5 ลิตร ???? หรือว่าทำการเติมไม่ครบ ตั้งแต่แรกแล้ว เออ.....นั้นดิ มันหายไปไหน.....
และน้ำมันที่ถ่ายออกมาข้นเหนียว และเหม็นไหม้ด้วย
เช็คข้อมูลมาล่าสุด ปรากฎว่า น้ำมันเครื่อง ครั้งนี้กับครั้งก่อนห่างกัน 25,000 Km. โอ้ว........
7. รูปนี้เอามาฝากนะครับ สำหรับรถที่ยังไม่ได้อุด EGR เห็นว่ามันดำดีก็เลยถ่ายมาให้ดูนะครับ
ก็ขนาดทางเข้าเครื่องยังเลอะซะขนาดนี้ แล้วที่เข้าไปแล้วจะแย่ขนาดไหน นั้นดิ.... อันนี้เป็นที่
ยืนยันได้ว่าการที่ไม่อุด EGR เครื่องยนต์ไม่พังแน่นอน เห็นป่าว.....
เพราะฉะนั้น รักใครชอบใคร บอกให้เขาวัดระดับน้ำมันเครื่องกันด้วยนะครับ คอยเติมเลี้ยงเอาไว้
ก็ยังดีกว่า ปล่อยเอาไว้จนไม่มีเลยนะครับ ลองต้องซ่อมหนักแบบนี้ เท่าไรก็ไม่พอครับ