หลายคนคงจะทราบว่า แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Li-ion battery) เป็นแหล่งพลังงานที่ใช้ขับเคลื่อนให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้ Mr.OOHOO จะมาตอบคำถามคาใจว่าแท้จริงแล้ว แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าใช้ได้กี่ปี?มีอะไรบ้างที่ส่งผลต่อการใช้งานของรถยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งอัปเดตเกณฑ์
ประกันรถยนต์ไฟฟ้า ใหม่ล่าสุดที่ผ่านการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว
แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าใช้ได้กี่ปี? แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Li-ion battery) เป็นแหล่งพลังงานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในรถยนต์พลังงานไฟฟ้า(EV) มีความปลอดภัยสูงเนื่องจากไม่มีสารเคมีอันตราย เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่รถยนต์แบบอื่น ๆ ขนาดเล็กแต่สามารถกักเก็บความจุไฟฟ้าได้ในปริมาณมาก น้ำหนักเบา ส่งผลให้ลดการใช้เชื้อเพลิงของรถยนต์ และช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สามารถรับ-ส่งกระแสไฟฟ้าได้มากกว่า 2000 รอบ ขณะที่ยังคงความจุของแบตเตอรี่ไว้ในระดับสูง ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่บ่อยครั้ง แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าจึงมีอายุการใช้งานได้ยาวนาน 10 - 20 ปี
แต่ทั้งนี้ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนก็ขึ้นอยู่หลายปัจจัยเช่น สภาพอากาศส่งผลต่อความร้อนของแบตฯ ทำให้เส่อมสภาพเร็วขึ้น ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจึงมักมาพร้อมกับการรับประกันแบตเตอรี่อย่างน้อย 8 -10 ปี หรือประมาณ 250,000 กิโลเมตรตามลักษณะการใช้งาน
ก่อนไปอัปเดตข้อมูลกัน อยากลองให้เช็กราคา
ประกันรถยนต์ไฟฟ้า กับ OOHOO.io
ประกันออนไลน์ ที่รวมแพ็กเกจ
ประกันรถยนต์สุดคุ้ม มีครบทุกบริษัทประกันภัยชั้นนำ ตอบโจทย์ชาว EV คุ้มค่า คุ้มครอง ครอบคลุมสุดๆ
วิธียืดอายุแบตให้ใช้งานได้งานมากขึ้น1.รักษาระดับแบตเตอรี่ให้อยู่ในช่วง 20 - 80%
เพื่อให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ไม่ควรชาร์จไฟให้เต็ม 100% โดยไม่จำเป็น หลีกเลี่ยงการชาาร์จเต็มแล้วปล่อยทิ้งไว้ เพราะการ Overcharge ส่งผลให้ความจุของแบตเตอรี่โดยรวมลดลงได้ ควรรักษาระดับการชาร์จไว้ระหว่าง 20 - 80% จะดีที่สุด
2.อย่าชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้าทิ้งไว้ตอนกลางคืน
ทุกครั้งที่เราการชาร์จจะเกิดความเครียดในแบตเตอรี่ ส่งผลให้ความสามารถในการกักเก็บปริมาณแบตเตอรี่ค่อย ๆ ลดลงได้ หากไม่จำเป็นไม่ควรเสียบปลั๊กชาร์จแบตเตอรี่ทิ้งไว้ตอนกลางคืน หากคิดว่าจะตื่นเช้าขึ้นมาแล้วแบตฯเต็มแล้วใช้ต่อได้เลย แบบนี้ผิดมหันต์ ไม่คารทำอย่างยิ่ง
3.ถ้าไม่ได้ใช้งานรถเป็นเวลานานไม่ควรปล่อยให้แบตเตอรี่หมด
รถยนต์ไฟฟ้าหากไม่ใช้เป็นเวลานานไม่ควรชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม หรือปล่อยให้แบตเตอรี่เหลือน้อยเกินไป เพราะมีส่วนทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพได้ หากต้องจอดรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเวลานาน ควรชาร์จไฟให้อยู่ระหว่าง 25 - 75%
4.ชาร์จแบตเตอรี่แบบ AC สลับกับ DC Charging อย่างสม่ำเสมอ
สาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเสื่อมสภาพเร็วขึ้น คือ ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยไฟกระแสตรง หรือ DC Fast Charging บ่อยครั้ง ทำให้แบตเตอรี่มีความร้อนสูงจากกระบวนการชาร์จที่เร็ว ซึ่งส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของแบตเตอรี่โดยตรง
เกณฑ์ประกันรถยนต์ไฟฟ้า ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. อนุมัติเกณฑ์กำหนด
ประกันรถยนต์ไฟฟ้า คุ้มครองแบตเตอรี่ตามการใช้งาน กรณีที่รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความเสียหายจนต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ทั้งชุด บริษัทประกันภัยจะชดใช้สินไหมทดแทนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าตามอายุการใช้งาน จากความคุ้มครอง 100% จะคุ้มครองน้อยลงเรื่อยๆ ตามอายุการใช้งานของรถยนต์ไฟฟ้า EV โดยปีแรก (ไม่เกิน 1 ปี) ชดใช้สินไหมทดแทน 100% และลดอัตราการชดใช้ปีละ 10% จำกัดการชดใช้ต่ำสุดอยู่ที่ 50% (อายุเกิน 5 ปี)
ทั้งนี้ เจ้าของรถยนต์ยังสามารถระบุจำนวนผู้ขับขี่ในกรมธรรม์
ประกันรถยนต์ไฟฟ้า ได้มากถึง 5 รายชื่อ เพื่อให้บริษัทประกันภัย และ คปภ. สามารถเก็บข้อมูลพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ขับแต่ละคนได้ ซึ่งเจ้าของรถยนต์จะสามารถนำข้อมูลไปเป็นส่วนลดราคาเบี้ยประกันรถยนต์สูงสุดถึง 40%
เกณฑ์ใหม่นี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 แต่ถ้าหากบริษัทประกันภัยไหนไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ทันก็มีเวลาจนถึง วันที่ 31 พฤษภาคม 2567
เกณฑ์ประกันรถยนต์ไฟฟ้า ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. อนุมัติเกณฑ์กำหนดประกันรถยนต์ไฟฟ้า EV คุ้มครองแบตเตอรี่ตามการใช้งาน กรณีที่รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความเสียหายจนต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ทั้งชุด บริษัทประกันภัยจะชดใช้สินไหมทดแทนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าตามอายุการใช้งาน จากความคุ้มครอง 100% จะคุ้มครองน้อยลงเรื่อยๆ ตามอายุการใช้งานของรถยนต์ไฟฟ้า EV โดยปีแรก (ไม่เกิน 1 ปี) ชดใช้สินไหมทดแทน 100% และลดอัตราการชดใช้ปีละ 10% จำกัดการชดใช้ต่ำสุดอยู่ที่ 50% (อายุเกิน 5 ปี)
ทั้งนี้ เจ้าของรถยนต์ยังสามารถระบุจำนวนผู้ขับขี่ในกรมธรรม์
ประกันรถยนต์ไฟฟ้า ได้มากถึง 5 รายชื่อ เพื่อให้บริษัทประกันภัย และ คปภ. สามารถเก็บข้อมูลพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ขับแต่ละคนได้ ซึ่งเจ้าของรถยนต์จะสามารถนำข้อมูลไปเป็นส่วนลดราคาเบี้ยประกันรถยนต์สูงสุดถึง 40%
เกณฑ์ใหม่นี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 แต่ถ้าหากบริษัทประกันภัยไหนไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ทันก็มีเวลาจนถึง วันที่ 31 พฤษภาคม 2567