ผู้เขียน หัวข้อ: ### ความเร็วรอบเครื่องกับความเร็วของรถในทุกๆรุ่น ครับ ###  (อ่าน 12594 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ TOD KUTWA

  • ไมล์ 101-300
  • *
  • กระทู้: 176
  • คะแนน Like 1
 emo33สุดยอดคับ emo10 emo10
ฝันให้ไกล ไปให้ถึง ไม่มีอะไรที่อยากไปถ้าเราพยาม {"-"}

ออฟไลน์ kainet

  • กำลังสะสมไมล์
  • *
  • กระทู้: 19
  • คะแนน Like 0
  emo10 แสดงว่าเกียร์ A/T ประหยัดกว่าและแรงกว่า M/T ใช่ไหมครับ  emo10

ออฟไลน์ InSurin

  • ไมล์ 101-300
  • *
  • กระทู้: 138
  • คะแนน Like 4
แต่ที่ได้ยินมา เกียร์ธรรมดาประหยัดน้ำมันกว่า และแรงกว่าออโต้ไม่ใช่เหรอครับ งง แต่ข้อมูลข้างบนมันกลับกันเลย รบกวนให้ความรู้ด้วยครับ ขอบคุณครับ  emo31

ออฟไลน์ yusamui

  • ไมล์ 601-1000
  • *
  • กระทู้: 601
  • คะแนน Like 7
  • Hr 4 D 3.0 A/T 3.0 ขาวมุก NO.NDC 189
ของผม ขอให้ล้อหมุนก็พอแล้ว emo36

ออฟไลน์ KAI

  • ไมล์ 50-100
  • *
  • กระทู้: 50
  • คะแนน Like 0
แต่ที่ได้ยินมา เกียร์ธรรมดาประหยัดน้ำมันกว่า และแรงกว่าออโต้ไม่ใช่เหรอครับ งง แต่ข้อมูลข้างบนมันกลับกันเลย รบกวนให้ความรู้ด้วยครับ ขอบคุณครับ  emo31


++++++++++++++++++

เมื่อก่อนผมก็เข้าใจว่า ออโต้ จะซดน้ำมันกว่า M/T


แต่ด้วย การทดเกียร์ และ โหมด D ที่ ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ อยู่ในรอบเครื่องที่ไม่ ต่ำ หรือ สูง จนเกินไป

ทำให้การซดน้ำมัน อาจจะไม่เป็นปัญหาเหมือนอดีต

และเท่าที่เคยขับ รถ 3.0 ทั้ง  M/T และ A/T   (ค่ายอื่นนะ)  เวลาออกตัวจากไฟแดง เจ้า A/T มันไปก่อน และต่อเนื่องขึ้นไปได้เร็วมาก ส่วนเจ้า M/T มันเหมือนหยุดเอาอากาศเข้าไปเป็นจังหวะๆ


** ตอนขับรถเป็นแรกๆ  ผมไม่ค่อยรู้เรื่อง  ความเร็วรอบเครื่อง  เวลาขับ M/T มันลากขึ้นได้ ผมก็ลากไปเรื่อย ซึ่งทำให้เปลืองน้ำมัน *พ่อบอกว่างั้น  แต่บังเอิญ เป็นราคาน้ำมัน ปี 2538 ซึ่ง ดีเซล มันไม่กี่บาทเอง

ขับไปกลับ  นครสวรรค์ - ชัยภูมิ (เส้น 225) หมดไม่กี่บาท   *90 HP ตัว SLX  เกียร์ M/T


++++++++

ผมก็ดูจาก เจ้าของกระทู้  และลองคำนวณดูเองบ้าง    ก็แล้วแต่ท่านผู้ขับขี่ เพราะ แต่ละท่าน คงขับออกตัว + เปลี่ยนเกียร์ ที่ต่างกัน * M/T

แต่สำหรับ A/T   ถ้าขับออกตัวไม่โหด ค่อยๆ ไต่ขึ้นไป และไม่ลากสูงเกินแรงบิดสูงสุด (2800 รอบต่อนาที)

ความประหยัด ก็มีให้ท่านเลือกครับ   2000 รอบ   2500 รอบ   3000 รอบ



ปล.......อันนี้ไม่คิด น้ำหนัก บรรทุกนะ  ลองคิดแค่ 4 คน  นั่ง  4 ประตูตัวยกสูง...

ผิดพลาดอย่างไร ก็เป็นการคำนวนให้เห็นนะครับ  แบบกางสเปคเทียบตัวเลข ใส่เอกเซล  ออกมาตามที่โพสเลย..







ออฟไลน์ KAI

  • ไมล์ 50-100
  • *
  • กระทู้: 50
  • คะแนน Like 0
ของผม ขอให้ล้อหมุนก็พอแล้ว emo36


++++++++++ คิดเหมือนผมเลยท่าน

ปี 2549  ผมขับ  3.0  M/T   (ค่ายอื่น ตัวยกสูง)  เป็นรถหน่วยงาน  จาก  กทม - นครสวรรค์  ประมาณ 240 กม.

ซัดไปเกือบ 1/2 ถัง   (เต็มถังประมาณ 70 ลิตรกว่าๆ)    หุๆ แต่ไม่ได้เติมเอง  ไม่เท่าไร


พอขับเอง  เติมเอง    เส้นทางเดิม  ราคาน้ำมัน ปัจจุบัน   28.89 ดีเซล  และ  31.54 โซฮอล 91  ไม่อยากจะเหยียบเลยอ่ะ


บังเอิญว่า   ทั้งไปบ้าน  และกลับเข้า  กทม  เป็นเวลากลางคืนซะส่วนใหญ่  รู้สึกได้เลยว่าประหยัดน้ำมันกว่ากลางวันเยอะ   ยิ่งลองขับแบบนิ่มนวล ไหลไปเรื่อยๆ สบายใจเรื่องน้ำมัน


.....ผมเห็นกระทู้นี้  น่าสนใจเรื่องสเปคเครื่อง+ล้อ+ยาง  เผื่อหลายท่านสนใจจะ เพิ่มขอบ ลดยาง จะได้มีข้อมูลประกอบ



ปล.....แต่ยอมรับว่าถ้าต้องการ หนึบๆ ขับเข้าโค้งดีๆ สำหรับตัวยกสูง อาจต้องยอมแลกกับการซดน้ำมันกว่าเดิมๆ 

ออฟไลน์ KAI

  • ไมล์ 50-100
  • *
  • กระทู้: 50
  • คะแนน Like 0
เครื่อง VGS ช่วยในเรื่องของการออกตัว การเร่งแซง ไม่ต้องเร่งรอบเครื่องสูงก็รีดแรงม้าออกมาได้แล้ว ถ้าใครขับออกตัวบ่อยและขับรอบสูงๆ ต่ำๆ บ่อยคงจะต้องให้ VGS ช่วย การที่ 2.5 VGS ออกแบบมาให้เฟืองท้ายน้อยเพราะแรงบิดจะได้เยอะ ออกตัวเร็ว ถ้าเดินทางระยะไกล ก็คงสู้ตัวอื่นไม่ได้ ของผมใช้ไปกลับที่ทำงานนานๆ ออกต่างจังหวัดที ผมเลือก 2.5 VGS ครับ ถ้าใช้ส่งของระยะไกลก้อตามน้าช่อนคำนวณเลยครับ

ถ้า Test drive ระยะไกล 2.5 VGS แพ้ชัวร์เลยครับ ถ้าขับในเมืองชนะขาดครับ



2.5  VGS จะชนะ 3.0 VGS แบบขาดรอย  ก็ต่อเมื่อ ติดไฟแดง นานๆ  รถติดปากซอยแบบสุดๆ


แต่ถ้า ไหลได้เรื่อยๆ ใช้รอบเครื่อง  1800 - 2000  รอบต่อนาที  ดูตามเลขที่คำนวณ ไม่หนีกันมากนะ

ส่วนตัวแปรอยู่ที่   เปิดแอร์และตั้งไว้กี่องศา (รุ่น Top)  น้ำหนักบรรทุก  และเท้าขวา หนัก/เบา 

 

ลองดูตัวเลข จากการคำนวณครับ จะทราบว่า เครื่องยนต์ตัวไหน หรือ รถรุ่นไหน จะเซพน้ำมันกว่ากัน  กรณีที่ น้ำหนักบรรทุก คน+ของ เท่าๆ กัน   แต่  3.0 VGS มีเปรียบ 2 เรื่อง คือ เร่งแซง+เซฟน้ำมัน *ที่รอบเครื่องเท่ากับ 2.5 VGS


+++++++++  อ้อ    สเปค  ล้อ + ยาง  และ ยกสูงเหมือนกัน    จะ CAB   หรือ  4 ประตู  ผมว่าไม่หนีกันมากเรื่องการซดน้ำมัน++++++

ส่วน  2.5 /  2.5  VGS  /  3.0  VGS    กับการทดเกียร์ของ AT  และ MT  มีผลแน่นอน......



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21ธ.ค.2011, 14:05:37 โดย KAI »

ออฟไลน์ น้าปอ_NDC.011

  • NDC. Staff Team
  • ไมล์ 2001-3000
  • *
  • กระทู้: 2817
  • คะแนน Like 65
  • โซนตะวันตก Tel.081981711หนึ่ง8 ปอ เพลินไพร No.11
  • จังหวัด: นครปฐม
  • ชื่อเล่น: น้าปอ

ออฟไลน์ Jate

  • ไมล์ 101-300
  • *
  • กระทู้: 121
  • คะแนน Like 0
  • NDC.156
อย่าเพิ่งคิดว่า AT จะประหยัดกว่า MT เพียงเพราะรอบเครื่องต่ำกว่าครับ..
มันยังมีปัจจัยเรื่องของตัวส่งกำลังด้วยครับ เกียร์ธรรมดาส่งกำลังผ่านคลัชไปยังเฟืองเกียร์ได้เต็ม..
แต่ AT มันส่งผ่านทอร์คคอนเวอร์เตอร์ ที่จะเป็นตัวที่ทำให้เครื่องยนต์เสียทั้งกำลังและสิ้นเปลืองน้ำมันก็อยู่ที่จุดนี้แหล่ะครับ
ลองศึกษาดูก่อนดีๆครับ..
เพราะเกียร์ AT ในรถกระบะไม่ได้เป็นเทคโนโลยีใหม่ๆเหมือนรถเก๋ง ทีมีทั้ง Powershift และ CVT ที่มักทำอัตราสิ้นเปลืองได้ดีกว่าเกียร์ AT เก่าๆ
เพียงแต่เกียร์ตัวนี้มันได้เปรียบเรื่องความทนทาน ดูแลง่ายกว่า และถูกกว่าครับ
และออกแบบมารองรับแรงบิดมหาศาลของดีเซลบ้าพลังครับ

 emo36 emo36

ออฟไลน์ KAI

  • ไมล์ 50-100
  • *
  • กระทู้: 50
  • คะแนน Like 0
อย่าเพิ่งคิดว่า AT จะประหยัดกว่า MT เพียงเพราะรอบเครื่องต่ำกว่าครับ..
มันยังมีปัจจัยเรื่องของตัวส่งกำลังด้วยครับ เกียร์ธรรมดาส่งกำลังผ่านคลัชไปยังเฟืองเกียร์ได้เต็ม..
แต่ AT มันส่งผ่านทอร์คคอนเวอร์เตอร์ ที่จะเป็นตัวที่ทำให้เครื่องยนต์เสียทั้งกำลังและสิ้นเปลืองน้ำมันก็อยู่ที่จุดนี้แหล่ะครับ
ลองศึกษาดูก่อนดีๆครับ..
เพราะเกียร์ AT ในรถกระบะไม่ได้เป็นเทคโนโลยีใหม่ๆเหมือนรถเก๋ง ทีมีทั้ง Powershift และ CVT ที่มักทำอัตราสิ้นเปลืองได้ดีกว่าเกียร์ AT เก่าๆ
เพียงแต่เกียร์ตัวนี้มันได้เปรียบเรื่องความทนทาน ดูแลง่ายกว่า และถูกกว่าครับ
และออกแบบมารองรับแรงบิดมหาศาลของดีเซลบ้าพลังครับ

 emo36 emo36



+++++

เหมือนเซลล์ที่โชว์รูมบอกผมเลย......

ว่า M/T มันประหยัดกว่า  A/T       


เรื่องแรงจากเครื่องผ่าน ทอร์ค คอนเวอเตอร์ ก็ใช่ครับ

แรงบิดก็ใช่อีก  มหาศาลด้วย

แต่เราเลี่ยงไปเร่งรอบเครื่องที่  Spedd ที่ 3 ขึ้นไปได้แบบสบายใจ   รอบเครื่อง+แรงบิดจัดตอนต้นจะได้ไม่ทำร้ายเกียร์


ขอทำความเข้าใจข้อมูลที่โพส ว่า  ผมลองคำนวณ ตามท่านเจ้าของกระทู้เท่านั้น   มิได้ ฟันธง ว่าเกียร์อะไร ดีกว่า...

.........ข้อมูลสำหรับ ผู้ที่เน้นเดินทาง 4 - 5 คน ไม่บรรทุกของหนัก  4 ประตู ตัวสูง

เทียบกันระหว่าง เครื่อง 2.5 VGS   กับ  3.0 VGS      อีกทั้ง เป็นทางเลือก ว่าจะขับในเมืองแบบสบายๆ (ทุกวันทำงาน)  และเดินทางไกลสบายๆ ตอน ปีใหม่ หรือ สงกรานต์  ซึ่งติดมาก บ้านผมอยู่ น.ว. แค่ขึ้นสะพานเดชาฯ ก็แย่แล้ว เหยียบคลัชบ่อยๆ

++++++++++

ปล.......ย้ำนะครับ ผมอยากเห็นตัวเลขตามสเปคของเครื่อง และ เกียร์ เท่านั้น  ผิดพลาดอย่างไร ขออภัยด้วยครับ

ออฟไลน์ chatchailtp

  • NDC No. 025
  • NDC. Staff Team
  • ไมล์ 1001-2000
  • *
  • กระทู้: 1836
  • คะแนน Like 40
  • มันก็แค่ทางขรุขระ จะไปกลัวมันทำไมกัน
อย่าเพิ่งคิดว่า AT จะประหยัดกว่า MT เพียงเพราะรอบเครื่องต่ำกว่าครับ..
มันยังมีปัจจัยเรื่องของตัวส่งกำลังด้วยครับ เกียร์ธรรมดาส่งกำลังผ่านคลัชไปยังเฟืองเกียร์ได้เต็ม..
แต่ AT มันส่งผ่านทอร์คคอนเวอร์เตอร์ ที่จะเป็นตัวที่ทำให้เครื่องยนต์เสียทั้งกำลังและสิ้นเปลืองน้ำมันก็อยู่ที่จุดนี้แหล่ะครับ
ลองศึกษาดูก่อนดีๆครับ..
เพราะเกียร์ AT ในรถกระบะไม่ได้เป็นเทคโนโลยีใหม่ๆเหมือนรถเก๋ง ทีมีทั้ง Powershift และ CVT ที่มักทำอัตราสิ้นเปลืองได้ดีกว่าเกียร์ AT เก่าๆ
เพียงแต่เกียร์ตัวนี้มันได้เปรียบเรื่องความทนทาน ดูแลง่ายกว่า และถูกกว่าครับ
และออกแบบมารองรับแรงบิดมหาศาลของดีเซลบ้าพลังครับ

 emo36 emo36
ใช่แล้วครับ ถึงเกียร์ออโต้จะรอบน้อยกว่าก็ตาม แต่มันจะไปเสียตรงการถ่ายกำลังมายังล้อครับ
เพราะ จขกท. เค้าเทียบเกียร์ 5(Overdrive) มันเลยดูประหยัด เพราะทดตัว ออโต้น้อยมาก
ถ้าเทียบตั้งแต่ต้นจนถึงปลายแล้ว(1 -> 5)  ออโต้ก็ยังประหยัดไม่เท่าธรรมดา  ยิ่งถ้าจอดบ่อยๆแล้ว ยิ่งแล้วใหญ่เลยครับ ต้องใช้กำลังมากกว่าธรรมดาซะอีก  เพราะแบบนี้  ผลลัพธ์ เลยออกมาแปรผกผัน กับค่าที่คำนวณได้
 emo1 emo1 emo1 emo1 emo1 emo1

ออฟไลน์ KAI

  • ไมล์ 50-100
  • *
  • กระทู้: 50
  • คะแนน Like 0
                3.0 VGS   MT                 พบ              3.0 VGS   AT

เกียร์                    ความเร็ว  / รอบต่อนาที         |      ความเร็ว   / รอบที่มากกว่า MT /  คิดที่รอบเท่า MT
1             19.60 km/h  /    2200          |         24.12 km/h /     2500        /      2200             
2             33.15 km/h  /    2200          |         41.57 km/h /     2500        /      2200
3             56.90 km/h  /    2200          |          60.64 km/h /     2500        /      2200
4             84.90 km/h  /    2200          |         84.90 km/h /     2500        /      2200
5           107.33 km/h  /    2200          |        118.57 km/h /     2500        /      2200



+++++++++++++++++

ลองต่อให้ MT              300 รอบต่อนาที     คือ   MT ใช้ 2200 rpm   AT ใช้ 2500 rpm แต่.....

ความเร็วที่ได้จาก 3.0 AT  คิดจาก 2200 rpm

ถ้าเป็นออกตัวบ่อยๆ   ติดอยู่บนทางขึ้นสะพาน (สะพานแขวน  สะพานพระราม9) ซัก 1 ชม เต็ม  AT คงแพ้เยอะ

ปล............เจ้า อีซูสุ อินไซต์ (ผิดถูกป่าวนะ) มาช่วยแล้วล่ะ   *สำหรับผม         
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21ธ.ค.2011, 17:58:34 โดย KAI »

ออฟไลน์ pachon (น้าช่อน )

  • ไมล์ 101-300
  • *
  • กระทู้: 235
  • คะแนน Like 2
การจะเลือกซื้อรถ ขอใช้เน้นที่การใช้งานหรือจุดประสงค์ของเราเป็นหลักครับ 

ถ้าเน้นแบบประหยัดสุดๆ ก็ต้องรุ่น 2500 ตัวเตี้ย  ตามด้วยยกสูงรุ่น L

แต่ถ้าต้องบรรทุกของบ้างหรือต้องการความแรงทั้งต้นและปลาย ก็ต้องรุ่น 2500 vgs 

( ถึงแม้จะใช้รอบเครื่องมากกว่ารุ่น 2500 ธรรมดา แต่รับรอง ปลายไหลกว่าแน่นอน  เพราะรุ่น 2500 ปลายๆจะหมดแรงแถวๆ 3000 กว่ารอบ แต่รุ่น vgs  น่าจะไหลได้ถึงแถวๆ 4000  รอบ )

ต้องการแรงสุดขั้วหรืออยู่แถบที่ต้องขึ้นเขาบ่อยๆ ก็ต้อง 3000 ไปเลย

แต่ถ้าอยู่ในเมือง รถติดมาก ต้องการความสบาย ควรเลือก 2500 ออโต หรือถ้าอยากได้เบาะหนัง และแรงด้วยก็ 3000 ออโต ครับ

###  ส่วนเรื่องเทคนิคการขับเกียร์ออโตให้ประหยัดของผมคือ ออกตัวแบบเรื่อยๆ ไม่กดคันเร่งหนัก เมื่อได้ความเร็วพอสมควร ก็กระดกเท้าขึ้นนิดนึง เกียร์มันจะเปลี่ยนเป็นเกียร์สูงขึ้นให้เร็วขึ้น  รอบเครื่องก็จะต่ำลง  ###

ส่วนตัวผมที่จองตัว 3000 ออโต  เพราะต้องการความสบาย และได้เบาะหนัง ครับ emo36 emo36 emo36
 


ออฟไลน์ yusamui

  • ไมล์ 601-1000
  • *
  • กระทู้: 601
  • คะแนน Like 7
  • Hr 4 D 3.0 A/T 3.0 ขาวมุก NO.NDC 189
คิดไปไกลจัง emo4