ผู้เขียน หัวข้อ: วิธีขับรถเกียร์อัตโนมัติ  (อ่าน 4913 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 6 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ gagoy8029

  • ไมล์ 101-300
  • *
  • กระทู้: 189
  • คะแนน Like 2
วิธีขับรถเกียร์อัตโนมัติ
« เมื่อ: 09ธ.ค.2011, 18:09:37 »
ห่างหายไปนานกับการเก็บข้อมูลดีๆมาฝาก มัวแต่ลุ้นน้องนิว emo4 emo4ลุ้นยังไงก็ลุ้นไม่ขึ้นซะที emo42 emo42 มาเริ่มเนื้อหากันเลยครับ
วิธีขับรถเกียร์อัตโนมัติที่ถูกต้องตามหลักมีดังต่อไปนี้ครับ

1. ติด (สตาร์ท) เครื่องยนต์ในตำแหน่ง P เท่านั้น ซึ่งบางรุ่นก็ไม่มีทางเลือกอื่นเพราะมีระบบปลอดภัย ที่ทำให้ผู้ขับสามารถดึงกุญแจออกได้ต่อเมื่อโยกคันเกียร์ไปยังตำแหน่ง P เท่านั้น ส่วนอีกหลายรุ่นหลาย “ยี่ห้อ” ยังสามารถติดเครื่องยนต์ในตำแหน่ง N ได้ครับ แต่ถ้าเราจอดในตำแหน่ง P ไว้ ก็ไม่ต้องมีอะไรให้ต้องระวังเป็นพิเศษอยู่แล้วครับ ติดเครื่องยนต์ได้เลย

2. เหยียบเบรกไว้เสมอ เมื่อจะเปลี่ยนจากตำแหน่ง P ไปยังตำแหน่งอื่น ข้อนี้ก็ทำนองเดียวกันกับข้อแรกครับ คือมีรถหลายรุ่นที่ต้องเหยียบเบรก จึงจะเปลี่ยนจากตำแหน่ง P และ N ไปยังจังหวะอื่นได้

3. เปลี่ยนจากตำแหน่ง P หรือ N ไปยังตำแหน่งอื่นที่รอบเดินเบาของเครื่องยนต์เท่านั้น จะอ้างว่าไม่ได้เหยียบคันเร่งเลยก็ไม่ได้ครับ เช่น เร่งเครื่องยนต์ถึง 4 หรือ 5 พันรอบต่อนาที พอถอนคันเร่งก็ใส่ตำแหน่ง P หรือ R ทันที แบบนี้มีสิทธิพังครับ

4. ต้องคอยให้เกียร์ทำงานในจังหวะ R หรือ D ก่อน จึงจะยกเท้าจากแป้นเบรกมาเหยียบคันเร่งเพื่อออกรถ โดยสังเกตได้จากการกระชาก (ในรูปของความสะท้าน เนื่องจากรถเคลื่อนไม่ได้เพราะเราเหยียบเบรกไว้) ช่วงเวลาตั้งแต่เข้าตำแหน่ง R หรือ D จนกระทั่ง “กระชาก” นี้ กินเวลาประมาณเกือบจะทันทีไปจนถึงเกือบ 2 วินาที แล้วแต่การออกแบบเกียร์

5. ห้ามออกรถอย่างรุนแรงโดยการเร่งเครื่องยนต์ไว้ ก่อนที่จะเข้าตำแหน่ง R หรือ D เด็ดขาด (ชิ้นส่วนภายในห้องเกียร์อาจพังพินาศ) ซึ่งผู้ที่ปฏิบัติตามข้อ 3 และข้อ 4 ย่อมไม่กระทำอยู่แล้ว รถที่ใช้เกียร์ “ธรรมดา” สามารถออกอย่างรุนแรงได้ โดยที่ผู้ขับเร่งเครื่องยนต์อย่างแรง แล้วถอนคลัทช์อย่างเร็ว ให้ล้อหมุนฟรีโดยไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น นอกจากความสึกหรอเกินควรของผ้าคลัทช์และหน้ายางเท่านั้น แต่ผู้ใช้เกียร์อัตโนมัติไม่มีสิทธิที่ทำเช่นนี้ จากหลักการทำงานของชิ้นส่วนภายในห้องเกียร์ หากต้องการออกรถอย่างแรงที่สุดโดยไม่มีความเสียหาย ให้ใช้เท้าซ้ายเหยียบแป้นเบรกไว้อย่างแรง เท้าขวาเหยียบคันเร่งจนมิด คอยจนเข็มวัดความเร็วรอบอยู่นิ่ง (เรียกอย่างเป็นทางการว่า stall speed) แล้วจึงถอนเท้าซ้ายออกจากแป้นเบรกอย่างเร็วที่สุด ห้ามลองเบรกพร้อมกับเร่งเป็นเวลานานนะครับ เพราะน้ำมันเกียร์จะร้อนจัดและชิ้นส่วนในห้องเกียร์อาจชำรุดจากความร้อนได้ รถที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ และมีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ กำลังสูงเท่านั้นจึงจะมีแรงขับเคลื่อนสูง พอที่จะทำให้ล้อขับเคลื่อนหมุนฟรีขณะเร่งอย่างรุนแรงได้

6. ก่อนใส่เกียร์ตำแหน่ง P ต้องรอให้รถหยุดสนิทก่อน เพราะเป็นการลอคด้วยรูปทรงของกลไกครับ ไม่ใช่อาศัยแรงเสียดทานเหมือนผ้าเบรกกับจากเบรก

7. เมื่อจอดรถต้องใส่เกียร์ในตำแหน่ง P เท่านั้น ควรขึ้นเบรกมือด้วย แม้ว่าตำแหน่ง P จะป้องกันรถไหลได้อยู่แล้วก็ตาม ยกเว้นกรณีจอดขวางทางผู้อื่นไว้ อนุโลมให้ใช้ตำแหน่ง N ได้ โดยต้องแน่ใจว่ารถจะไม่ไหลได้เอง ส่วนผู้ที่ใช้รถแบบถอดลูกกุญแจได้ในจังหวะ P เท่านั้น คงต้องหาที่จอดซึ่งไม่กีดขวางผู้อื่นนะครับ (การใช้กุญแจสำรองเสียบคาไว้ ไม่ปลอดภัยพอด้านการโจรกรรมครับ แบบตัดด้ามแล้วผูกเชือกเสียบคาไว้ ก็ยุ่งยากและเสี่ยงเกินไป ไม่ขอแนะนำ)

8. ลงจากรถชั่วคราว (ขณะติดเครื่องยนต์หรือไม่ติด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม) จะต้องเข้าเกียร์ในตำแหน่ง P เท่านั้น เช่น ลงมาเปิดหรือปิดประตูบ้าน ความผิดพลาดข้อนี้แหละครับ ที่อันตรายถึงชีวิต และเป็นข่าวอยู่บ่อยๆ)

9. เมื่อต้องการออกรถในตำแหน่ง D ให้ดึงด้ามเกียร์ผ่านตำแหน่ง R และ N ได้เลย โดยไม่ต้องคอยให้จังหวะ R ทำงาน

10. ห้ามทดลองใส่เกียร์ต่ำที่ความเร็วสูงมาก เพราะเครื่องยนต์จะถูกความเร็วของล้อและเพลาขับ กระชากให้หมุนอย่างรุนแรง ล้อขับเครื่องอาจลอค ชิ้นส่วนภายในห้องเกียร์จะต้องรับภาระสูงเกิดพิกัด แม้เกียร์บางรุ่นจะมีระบบป้องกันปัญหานี้ ก็ไม่ควรทดลองครับ

11. กรณีที่ต้องปรับตั้ง หรือเร่งเครื่องยนต์อยู่นอกรถ ต้องใส่เกียร์ในตำแหน่ง P เท่านั้น แม้ว่าจะทำงานได้เช่นเดียวกันในตำแหน่ง N ก็ตาม และต้องห้ามผู้อื่นอยู่ในรถเด็ดขาด เพราะอาจเกิดอันตรายร้ายแรงได้ เช่น ช่างเครื่องเร่งเครื่องยนต์ ส่วนช่างวิทยุเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์เพื่อความสะดวก

12. หากต้องหยุดรถบนทางลาดชัน ให้ใช้เท้าเหยียบเบรกไว้ ห้ามใช้วิธีเร่งเครื่องยนต์ในตำแหน่ง D เพื่อพยุงรถไว้ (น้ำมันเกียร์และชิ้นส่วนในห้องเกียร์จะร้อนจัด และอาจชำรุดได้)

13. เมื่อต้องการขึ้นทางลาดชัน และรถมีกำลังไม่พอ ต้องเหยียบคันเร่งให้ลึกขึ้นอีก อาจต้องเหยียบจนถึงพื้นรถ มิฉะนั้นแรงขับเคลื่อนอาจไม่เพียงพอ

14. หากต้องหยุดรถเป็นเวลานาน เนื่องจากการจราจรติดขัด หรือด้วยเหตุใดก็ตาม ให้เปลี่ยนเกียร์มาในตำแหน่ง P เพื่อ
ก. พักกล้ามเนื้อขา จากการเหยียบเบรก
ข. พักการทำงานของหลอดไฟเบรก ซึ่งมิได้ถูกออกแบบมาให้ทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานาน (ทั้งหลอดไปและโคมไฟจะร้อนจัด)
ค. เพื่อปลดโหลดของเกียร์อัตโนมัติออกจากเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์หมุนเร็วขึ้น ช่วยให้ “แอร์” เย็นขึ้นได้พอสมควร เพราะคอมเพรสเซอร์หมุนเร็วขึ้น และยังประหยัดเชื้อเพลิงได้เล็กน้อยด้วย เพราะไม่มีโหลด (LOAD) จากเกียร์

15. ใช้เกียร์เดินหน้าจังหวะอื่นนอกเหนือจากตำแหน่ง D ขณะขับลงทางลาดชันเท่านั้น (เช่น 1 2 S L สุดแต่ผู้ผลิตจะเรียกตำแหน่งเหล่านี้) ขาขึ้นทางชันไม่ต้อง เพราะระบบจะเลือกจังหวะเกียร์เองโดยอัตโนมัติ (ดูข้อ 13)

16. การลากจูงรถเกียร์อัตโนมัติที่เครื่องยนต์ขัดข้อง ต้องปฏิบัติตามวิธีที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ในคู่มือใช้รถ โดยมีการจำกัดทั้งระยะทางและความเร็วด้วยครับ

สำหรับข้อ 14 ถ้าต้องหยุดรอแต่ไม่นานนัก อนุโลมให้เลื่อนคันเกียร์จากตำแหน่ง D ไปอยู่ที่ตำแหน่ง N ได้ครับ พร้อมกับขึ้นเบรกจอดไว้ (ก็ “เบรกมือ” นั่นแหละครับสำหรับรถส่วนใหญ่ ที่ใช้คำนี้ไม่ได้ เพราะบางรุ่นเบรกจอดเป็นแบบใช้เท้าเหยียบ) ซึ่งสภาวะนี้ก็เทียบได้กับการปลดมาอยู่เกียร์ว่างของรถเกียร์ธรรมดานั่นเอง และพวกเราก็ปฏิบัติคือไม่ขึ้นเบรกจอด เพราะถือว่ารถ “ไม่ไหล” ที่ถูกแล้วควรใช้เบรกจอดเมื่อหยุดรถแล้วปลดเกียร์ว่างทุกครั้งครับ ใครที่ปฏิบัติจนเคยชินแล้ว จะเห็นประโยชน์และเข้าใจทันที เพราะเราทึกทักเอาเองว่ารถจะไม่ไหล ถ้าปฏิบัติถูกต้องประจำ นอกจากจะเข้าใจเรื่องความปลอดภัยแล้ว ยัง “ติดเป็นนิสัย” อีกนะครับ ทำนองเดียวกับเข็ดขัดนิรภัยที่คาดประจำ ถ้าไม่คาดจะรู้สึก “หวิว” และไม่อยากขับเอาเลย

แต่วิธีปฏิบัติที่ผิดอย่างร้ายแรง คือการใส่เกียร์ในตำแหน่ง D แล้วขึ้นเบรกมือไว้ หลายคนยังงงๆอยู่ว่าถูกต้องหรือไม่ เพราะเคยเห็นในบทความและฟังทางรายการวิทยุมา ห้ามทำเด็ดขาดครับ เบรกจอดหรือเบรกมือนั้น ทำงานได้ผลไม่แน่นอน เพราะไม่ใช่กลไกแบบ “ลอค” หรือขัดกลอน หรือลงสลักกันหมุน กันเลื่อน แต่เป็นการทำงานโดยอาศัยแรงเสียดทานจากการกดวัตถุเข้าหากัน ลวดสลิงที่เป็นกลไกสำคัญนั้นคลายตัวได้ ตอนเริ่มอาจมีแรงพอ แต่อีกนาทีเดียวกลับไม่พอเสียแล้ว หรือตอนคลัทช์แม่เหล็กไฟฟ้าหน้าคอมเพรสเซอร์ปรับอากาศทำงานอยู่ อาจมีแรงเบรกพอ แต่พอ “แอร์” ตัดและเครื่องยนต์หมุนได้เร็วขึ้น ก็อาจจะไม่มีแรงเบรกพอเสียแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นคงไม่ต้องบอกนะครับ

ออฟไลน์ boyce

  • กำลังสะสมไมล์
  • *
  • กระทู้: 43
  • คะแนน Like 0
Re: วิธีขับรถเกียร์อัตโนมัติ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 09ธ.ค.2011, 23:46:52 »
 emo1 ขอบคุณมาก ๆ  ครับ  emo9  emo35  emo17

ออฟไลน์ I Love Isuzu

  • ไมล์ 1001-2000
  • *
  • กระทู้: 1073
  • คะแนน Like 73
  • NDC. 088 Hi-Lander 4DR 3.0 VGS Z-Prestige MT
Re: วิธีขับรถเกียร์อัตโนมัติ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 10ธ.ค.2011, 01:51:25 »
 emo1 emo1 emo1
NewDmax-Club คือ ครอบครัวที่อบอุ่น NDC.088

ออฟไลน์ thong

  • NDC. Staff Team
  • ไมล์ 4001-5000
  • *
  • กระทู้: 4281
  • คะแนน Like 113
  • NCD No.042
  • จังหวัด: หนองจอก กรุงเทพฯ
  • ชื่อเล่น: ทอง
Re: วิธีขับรถเกียร์อัตโนมัติ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 10ธ.ค.2011, 05:46:02 »
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ emo35 emo35 emo35
V-Cross 4Doors 3.0 VGS Z-Prestige i-GENii AT สีแดง Tel.0841400264

ออฟไลน์ นายตั้ม [NDC.129]

  • ไมล์ 601-1000
  • *
  • กระทู้: 873
  • คะแนน Like 26
  • 4D HR 2.5 VGS Z เงินอาค์ติก
  • จังหวัด: นครศรีธรรมราช
Re: วิธีขับรถเกียร์อัตโนมัติ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 10ธ.ค.2011, 06:33:38 »
 emo17 emo17 emo17

ออฟไลน์ chan ndc 072

  • ไมล์ 301-600
  • *
  • กระทู้: 438
  • คะแนน Like 7
Re: วิธีขับรถเกียร์อัตโนมัติ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 10ธ.ค.2011, 07:16:25 »
ขอบคุณคับได้ความรู้แต่เช้าเลยข
ในภาวะ สงครามแม้เราจะอยู่ท่ามกลางกระสุนที่หมายปลิดชีวิตเราตลอด
อย่างน้อยเราก็มีสหายร่วมรบ

ออฟไลน์ kanoy NDC.151

  • ไมล์ 50-100
  • *
  • กระทู้: 57
  • คะแนน Like 1
Re: วิธีขับรถเกียร์อัตโนมัติ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 10ธ.ค.2011, 08:57:53 »
ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ ยังไม่เคยขับ A/T เลย  emo17

ออฟไลน์ aody21

  • กำลังสะสมไมล์
  • *
  • กระทู้: 4
  • คะแนน Like 0
Re: วิธีขับรถเกียร์อัตโนมัติ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: 10ธ.ค.2011, 11:38:46 »
ข้อมูลชัดเจนดีครับ ขอบคุณครับ  emo17 emo30 emo17

ออฟไลน์ chatchailtp

  • NDC No. 025
  • NDC. Staff Team
  • ไมล์ 1001-2000
  • *
  • กระทู้: 1836
  • คะแนน Like 40
  • มันก็แค่ทางขรุขระ จะไปกลัวมันทำไมกัน
Re: วิธีขับรถเกียร์อัตโนมัติ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: 10ธ.ค.2011, 12:28:04 »
ถ้าไม่อ่านไม่สนใจ เดี่ยวนี้ก็คงจะไม่ได้ละเนาะ เพราะปัจจุบันเกียร์ออโต้ มีบทบาทมากขึ้นแล้ว 

ออฟไลน์ หนึ่ง

  • ไมล์ 101-300
  • *
  • กระทู้: 138
  • คะแนน Like 0
Re: วิธีขับรถเกียร์อัตโนมัติ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: 13ธ.ค.2011, 00:50:19 »
ขอบคุณหลายๆๆคับ เป็นประโยซน์มากคับ ออโต้คันแรกเลยครับ  emo31 emo31

ออฟไลน์ G.V-CROSS

  • ถ้าคิดจะไป ต้อง ไปให้สุด
  • NDC. Staff Team
  • ไมล์ 7001-8000
  • *
  • กระทู้: 7477
  • คะแนน Like 299
  • เกศ โทร.081-806-2529
  • จังหวัด: สมุทรปราการ
  • ชื่อเล่น: เกศ
Re: วิธีขับรถเกียร์อัตโนมัติ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: 13ธ.ค.2011, 07:17:18 »
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ครับ
ถ้าทำได้ตามนี้แล้ว รับรองเกียร์ออโต้ใช้ยาว  ผมขับโหดกว่าที่บอกมาเยอะ ยังไม่เห็นมีปัญหาเลย
น้าเกศ NDC No.111
G.Suspension 4x4 อัพเกรดแก้ใขช่วงล่าง ALL NEW ISUZU D-MAX ทุกรุ่น
https://www.facebook.com/G.Suspension4x4/

ออฟไลน์ G.V-CROSS

  • ถ้าคิดจะไป ต้อง ไปให้สุด
  • NDC. Staff Team
  • ไมล์ 7001-8000
  • *
  • กระทู้: 7477
  • คะแนน Like 299
  • เกศ โทร.081-806-2529
  • จังหวัด: สมุทรปราการ
  • ชื่อเล่น: เกศ
Re: วิธีขับรถเกียร์อัตโนมัติ
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: 13ธ.ค.2011, 08:06:05 »
7. เมื่อจอดรถต้องใส่เกียร์ในตำแหน่ง P เท่านั้น ควรขึ้นเบรกมือด้วย แม้ว่าตำแหน่ง P จะป้องกันรถไหลได้อยู่แล้วก็ตาม


ขอช่วยเสริม จขกท. ข้อ 7 ตรงนี้อีกนิดครับ
กรณีจอดรถทางลาดชัน ให้ขึ้นเบรคมือก่อน แล้วปล่อยให้รถนิ่งจนได้ที่ก่อนที่จะเข้าเกียร์ตำแหน่ง P ทุกครั้งนะครับ
และขณะเดียวกันเมื่อจะออกรถ ควรปลดเกียร์จากตัว P ก่อนปลดเบรคมือ หรือเหยียบเบรคใว้ก่อน
เหตุผลก็คือถ้าเข้าตำแหน่ง P เลยในทางลาดชันก่อนขึ้นเบรคมือ กลไกลล็อคระบบเกียร์จะขบกันอยู่ทำให้กลใกลนั้นทำงานหนักเพราะรับน้ำหนักรถแทนเบรคมือ เวลาปลดเกียร์ชุดกลไกลนี้จะเสียดสีรุนแรงมากอาจทำให้ชุดล็อคเสียหายได้เพราะชุดล็อคนี้รับน้ำหนักรถก่อนเบรคมือครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองอย่างต้องทำด้วยกันเหมือนเดิมครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13ธ.ค.2011, 08:09:47 โดย G.V-CROSS »
น้าเกศ NDC No.111
G.Suspension 4x4 อัพเกรดแก้ใขช่วงล่าง ALL NEW ISUZU D-MAX ทุกรุ่น
https://www.facebook.com/G.Suspension4x4/

ออฟไลน์ ธีรธร

  • ไมล์ 101-300
  • *
  • กระทู้: 224
  • คะแนน Like 2
  • NDC.040
Re: วิธีขับรถเกียร์อัตโนมัติ
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: 13ธ.ค.2011, 08:14:19 »
เกียร์ออโต ขับง่ายก็จริงครับแต่ต้องระมัดระวังเรื่องเล็กน้อยมาก
ยกตัวอย่างเพื่อนผม เมาแล้วขับ ระหว่างทางเขาดันเกิดปวดปัสสาวะขึ้นมา เลยจอดรถดึงเบรกมือ แต่ดันเข้าเกียร์ผิดตำแหน่งจะเข้าเกียร์ N แต่ดันตกลงมาที่เกียร์ D (รถก็หยุดนิ่งเพราะมีเบรกมือช่วยไว้) แล้วลงไปทำธุระข้างทาง พอเสร็จหันกลับมารถค่อยๆ เคลื่อนที่ไปข้างหน้า ดีน่ะครับที่มีเบรกมือช่วยเอาไว้ ไม่งั้นพุงไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เกือบแย่
   emo40
NDC.040 
 
Color:Pear White/Hilander: 2.5 VGS Z DVD 4 Doors.  ปักษ์ใต้บ้านเรา

ออฟไลน์ ธีรธร

  • ไมล์ 101-300
  • *
  • กระทู้: 224
  • คะแนน Like 2
  • NDC.040
Re: วิธีขับรถเกียร์อัตโนมัติ
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: 13ธ.ค.2011, 08:23:42 »
อีกรายหนึ่งพึ่งถอดViosป้ายแดงมาหมาด ๆ ก็เมาเหมือนกันนั่งดื่มด้วยกันนี่แหละว่าจะไปเที่ยวต่อนอกบ้าน เขาชินกับการเข้าเกียร์ธรรมดา ตอนเมาเลยจำสลับกันระหว่าง เกียร์ R กับ เกียร์ D เพราะ R ต้องเข้าเกียร์ไปด้านหน้าและ D ดึงเข้าหาตัว วันนั้นเขาเมาหนักมากจะถอยหลังออกจากบ้าน เลยดึงเกียร์เข้าหาตัว(ติดนิสัยเกียร์ธรรมดา) เลยกลายเป็นว่าไปเข้าเกียร์ D แล้วเหยียบเต็มที่เลย(ด้วยความชำนาญในการขับรถ) ผลปรากฏว่าเต็มๆ ครับ เสาบ้านพัง รถก็บุบ สีถลอก ดีน่ะที่หม้อน้ำไม่แตก เอาประสบการณ์มาเล่าให้ฟังครับ เผื่อจะได้ประโยชน์กับพี่ ๆ เพื่อน ๆ ในบอร์ดบ้างครับ  ตกลงคืนนั้นเพื่อนผมมันก็อดไปเที่ยวต่อนอกบ้าน สร่างเมาสุราเลยครับ อิอิ   emo10  emo10
NDC.040 
 
Color:Pear White/Hilander: 2.5 VGS Z DVD 4 Doors.  ปักษ์ใต้บ้านเรา