ในฤดูฝนที่ถนนค่อนข้างลื่น ผู้ใดที่ใช้ยางที่เสื่อมสภาพคงได้สัมผัสความรู้สึกตื่นเต้นและน่ากลัวในการขับขี่ เนื่องจากเมื่อดอกยางสึกค่อนข้างมากทำให้ยางไม่สามารถรีดน้ำออกจากหน้ายางได้ทันเวลา ทำให้ยางรถยนต์ไม่สามารถสัมผัสกับพื้นถนนได้อย่างเต็มที่และอาจเกิดอาการเหินน้ำขึ้นได้ อาการนี้ทำให้การควบคุมรถยนต์ยากขึ้นโดยรถยนต์จะมีอาการร่อนเมื่อวิ่งลุยน้ำที่อยู่บนพื้นถนน
ควรตรวจเช็กสภาพของยางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ โดยการตรวจเช็กสามารถดูได้จากสภาพและอายุของยาง ในส่วนของสภาพยางนั้นให้ดูจากดอกยางว่าเกิดการสึกมากน้อยแค่ไหน มีการบวมหรือไม่ วิธีที่ผู้ผลิตยางรถยนต์ได้กำหนดไว้สำหรับการตรวจเช็กสภาพของดอกยางคือให้ดูจากสะพานยาง

หลายท่านอาจสงสัยว่าสะพานยางคืออะไร สะพานยางคือเส้นนูนขวางพาดผ่านหน้ายาง กำหนดขึ้นโดยผู้ผลิตยางรถยนต์เพื่อให้สังเกตว่าเมื่อดอกยางสึกจนเสมอกับสะพานยางนั่นหมายถึงเวลาที่ท่านควรเปลี่ยนยางรถยนต์ได้แล้ว

สามารถตรวจสะพานยางได้ด้วยตนเอง โดยให้สังเกตที่ส่วนบนสุดของแก้มยางท่านจะเห็นเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงตำแหน่งของสะพานยาง โดยเครื่องหมายนี้จะปรากฏอยู่รอบแก้มยางโดยห่างกันประมาณ 60 องศา ยี่ห้อทั่วไปมักจะมีเครื่องหมายเป็นรูปสามเหลี่ยม
เจ้าเครื่องหมายนี้จะชี้ให้เห็นถึงตำแหน่งของสะพานยาง จากประสบการณ์พบว่าผู้ใช้รถส่วนใหญ่เปลี่ยนยางก่อนที่ดอกยางจะสึกถึงสะพานยางประมาณ 1-2 มิลลิเมตรเสมอ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เนื่องจากการใช้งานจริงสะพานยางนั้นก็มีโอกาสสึกได้เช่นกันโดยเฉพาะในสภาวะที่อากาศร้อนและพื้นผิวถนนร้อนจัดอย่างเช่นประเทศของเรา เพราะฉะนั้นไม่ควรเสี่ยงที่จะใช้ให้ดอกยางสึกถึงสะพานยางตามที่ผู้ผลิตยางรถยนต์กำหนด กันไว้ดีกว่าแก้
ส่วนต่อมาคือดูจากอายุของยางรถยนต์โดยสามารถดูได้ที่แก้มยางเช่นกัน โดยที่แก้มยางจะมีตัวเลขสี่หลักปั๊มไว้ สองตัวแรกจะเป็นสัปดาห์ที่ผลิตและสองตัวหลังคือปีที่ผลิตเช่น 4102 ก็คือผลิตเมื่อสัปดาห์ที่ 41 ปี 2002 โดยส่วนใหญ่ยางรถยนต์จะมีอายุการใช้งาน 3 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร
ผู้ใช้รถควรเปลี่ยนยางรถยนต์เมื่อดอกยางสึกจนเกือบเท่ากับสะพานยางหรือเมื่อยางรถยนต์มีอายุเกิน 3 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร

ขอบคุณ :
www.matichon.co.th