ภัยที่มากับน้ำท่วมมีมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ที่หนีมากับน้ำหรือโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งล้วนแต่ป้องกันได้ทั้งสิ้น แต่สำหรับคนกรุงเทพฯ แม้ว่าหลายพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่ชั้นในน้ำยังมาไม่ถึงก็อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจ เผลอเมื่อไหร่น้ำไหลมาเมื่อนั้น แต่สำหรับพื้นที่นอกเขตคันกั้นน้ำคงรับรู้ความทุกข์ยากไปบ้างแล้ว
การเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์จึงเป็นเรื่องดีที่สุด ทรัพย์สินของมีค่าแม้จะเป็นสิ่งของนอกกาย ไม่ตายก็สามารถหามาทดแทนได้ แต่หากมีการป้องกันเตรียมพร้อมไว้แต่เนิ่นๆ ตั้งแต่น้ำยังมาไม่ถึงก็จะผ่อนหนักให้เป็นเบาได้
โดยเฉพาะรถยนต์หากดูแลรักษาให้ดี รู้วิธีป้องกันไม่ให้เสียหายไปกับน้ำท่วมก็ถือว่าวิเศษสุด มีหลายคนถามว่าจะดูแลรักษารถยนต์อย่างไรเพราะไปที่ไหนก็มีแต่น้ำ แม้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็สามารถผ่อนหนักเป็นเบาได้เช่นกัน เพราะรถราคาเหยียบล้านหากถูกน้ำท่วม นอกจากจะใช้การไม่ได้แล้ว ยังต้องควักเงินซ่อมแซมเสียเงินเสียทองหรืออาจต้องซื้อรถใหม่กลายเป็นความทุกข์ซ้ำสอง
บางคนกว่าจะมีรถสักคันต้องผ่อนต้องกู้ มีหนี้สินติดตัวพะรุงพะรัง เพื่อเตรียมพร้อมให้คนกรุงเทพฯ ในการป้องกันรถคันโปรดให้รอดพ้นน้ำท่วมรถไว้แต่เนิ่นๆ จึงมีคำแนะนำดีๆ จากผู้รู้มาฝาก
นายสมคิด ไกรสิงห์ ผู้จัดการฝ่ายบริการ บริษัท Mss Bosch Car Service กูรูด้านรถยนต์ที่มีประสบการณ์ตรงมากว่า 20 ปี ฝากบอกว่าก่อนออกจากบ้านสิ่งแรกที่ควรตรวจดูคือ ก้านปัดน้ำฝนและกระปุ๊กฉีดน้ำว่าอยู่ในสภาพใช้งานได้หรือไม่ เพราะเวลาฝนตกที่ปัดน้ำฝนไม่ทำงานอาจเกิดอุบัติเหตุได้
ระบบแอร์ก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าแอร์ไม่เย็น ยิ่งถ้าช่วงฝนตกจะเกิดฝ้าเต็มกระจกไปหมด ทำให้การมองเห็นไม่ชัดอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ควรหมั่นตรวจดูช่วงล่างด้วยตั้งแต่ยางขึ้นมา โดยเฉพาะดอกยางหากเกิน 3 ปี ควรดูดีๆ เพราะหากดันขับไปอาจเกิดอุบัติเหตุได้
ส่วนการขับรถที่มีน้ำท่วมขังต้องระวังให้จงหนัก ถ้าน้ำท่วมเกือบครึ่งล้อควรใช้เกียร์ต่ำเป็นเกียร์ 1 หรือเกียร์ 2 เท่านั้น และความเร็วควรอยู่ที่ 8-10 กม.ต่อชั่วโมง ก็พอแล้ว ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ควรขับที่ L ความเร็วก็ต้องอยู่ที่ 8-10 กม.ต่อชั่วโมงเช่นกัน
ถ้าขับเร็วกว่านี้อาจทำให้น้ำกระฉอกเข้าห้องเครื่องยนต์ทำให้เครื่องดับได้ และการนำรถลุยน้ำทุกครั้งควรดูดท่ออากาศว่าอยู่ต่ำหรืออยู่สูงแค่ไหน ตรงนี้สำคัญมาก ถ้าเป็นท่อต่ำๆ ในรถเก่าบางรุ่น อาจกลายเป็นการดูดน้ำเข้าไปในห้องเครื่องได้อย่างไม่รู้ตัว
ก่อนลุยน้ำทุกครั้งสิ่งแรกไม่ควรลืมคือ การปิดแอร์ ถ้าลืมปิดพัดลมระบายความร้อนที่ทำงานอยู่ซึ่งอยู่ในระดับต่ำ อาจตีน้ำเข้าห้องเครื่องส่งผลให้เครื่องยนต์ดับหรือเสียหายได้
วิธีการดูแลรถยนต์ให้ปลอดภัยช่วงน้ำท่วม
กรณีที่รถจอดแช่น้ำไม่ควรเบิลเครื่องเพราะจะเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุ อีกสิ่งที่ต้องระวังคือ น้ำมันที่บรรจุในถัง เพราะถังจะมีรูหายใจอยู่ ถ้ามีน้ำเข้ามาอาจมีโอกาสย้อนเข้าไปทางรูหายใจได้ แม้แต่ไอน้ำที่เข้าไปก็อาจเกิดความชื้นได้
โดยเฉพาะรถกระบะเครื่องรถยนต์มักเป็นเครื่องดีเซลต้องระวังอย่าให้ความชื้นเข้าไปหลังจากขับรถพ้นน้ำมาสู่พื้นที่แห้ง อย่าเพิ่งดับเครื่องทันที เพราะอาจมีน้ำคาอยู่ที่ท่อไอเสีย ควรสตาร์ตเครื่องทิ้งไว้สักพัก เพื่อไล่น้ำและความชื้นเสียก่อน และค่อยๆ เหยียบเบรกย้ำๆ เบาๆ เพื่อป้องกันเบรกลื่น
ไม่ควรเหยียบเบรกแรงๆ อาจทำให้เกิดการล็อกของระบบเบรก จนไม่สามารถควบคุมรถได้ หากรู้จักเตรียมตัวกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้เจ้าสี่ล้อคู่ใจจะได้อยู่กับเราไปนานๆ หากน้ำมามากจนมิดล้อทางที่ดีควรนำรถไปจดบนที่สูงเป็นดีที่สุด สำรวจจุดที่ทางราชการและทางเอกชนจัดสถานที่จอดรถให้ดี ถ้าว่างก็นำรถไปจอดให้พ้นน้ำรับรองปลอดภัยแน่นอน