ผมเป็นคนขายแบตเตอรี่เอง เดี๋ยวจะสาธยายให้ฟัง
แบตตอนนี้มีทั้งหมดในท้องตลาดประมาณ 4 แบบ เวลาไปเลือกซื้อ เลือกอย่างไร
แบบที่ 1 แบบน้ำทั่วๆไปสามัญชนธรรมดา คือ แบบที่มาเป็นกล่องๆ ร้านต้องแกะเติมน้ำกรดและชาร์ทไฟเอง หรือแบตบ้านๆที่เราไปเปลี่ยนกันตามร้านทั่วๆไป ราคาจะถูกที่สุด และราคาจะต่างกันตามจำนวน Ah. ต้องหมั่นดูแลน้ำ เป็นแบตที่ทนทาน ถ้าไม่มีการใช้รถเลย วางไว้เฉยๆ จากไฟที่เต็มหม้อหลังจากชาร์ทไฟจะคายประจุมาเอง ประมาณเดือนกว่าๆจะควายไฟจนหมด ยิ่ง Ah.น้อยจะคายไฟหมดเร็วกว่าแบตที่ Ah.มาก ยิ่งถ้าเสียบขั้วไว้ที่รถโดยไม่ได้ใช้งานการคายไฟฟจะมากกว่าถอดขั้วออก
แบบที่ 2 หรือแบบที่เราได้ติดรถมากับรถครั้งแรก หรือมีรหัส MF (Maintenance Free ไม่ต้องดูแลน้ำกลั่นบ่อย) มักจะมีคำว่า MF ต่อท้ายที่รหัสแบต ดังนั้น แบตที่เราได้ติดรถมาครั้งแรก คือ แบตอย่างดีหรือภาษาทั่วๆไป เขาเรียกว่าแบตแห้ง แต่มันทำส่งโรงผลิตรถยนต์ เขาจึงดีไซด์แบบมีฝาเปิดเช็คน้ำกลั่นได้ เพียงแต่แบตที่ติดรถมาเขาให้ Ah. มาน้อยมาก ให้มาเป็นรุ่น 75D26L ซึ่งเป็นชื่อบอกรหัสแบต จำนวน Ah. จริงๆมีอยู่แค่ 55-60 Ah. เท่านั้น ไม่ถึง 75 Ah. แต่แบตแบบนี้ข้อดีของมัน คือ แบตจะเติมกรดและชาร์ทไฟมาเลยจากโรงงาน ร้านค้าไม่ต้องมานั่งเติมกรดเอง ยกใส่รถได้ทันที และสามารถจ่ายกระแสไฟได้แรง ถึงแม้ Ah. จะน้อย และชาร์ทเก็บประจุได้ไว แต่การคายไฟคายได้ช้ากว่า จะสามารถอยู่ได้ ประมาณ 3-6 เดือน แต่ข้อเสีย คือ ถ้าเทียบความทนทานมันจะสู้แบตน้ำไม่ได้ แต่ได้ข้อดี คือ กระแสไฟตอนจ่ายออกจะไว สตาร์ทแแรง และถ้าเวลาไปเลือกซื้อแบตแบบนี้ ห้ามเกิน 3-6 เดือนจากโรงงาน เพราะมันจะคายไฟทิ้งจนหมด เขาถึงบอกว่าแบตแห้งไม่ทน เพราะตอนไปซื้อคงไม่มีร้านมาบอกหรอกว่าแบตออกมาเดือนไหน ถ้าขายไม่ได้เกิน 2 เดือน ร้านค้าที่เป็น จะต้องรีบชาร์ทไฟกลับเข้าไป เพื่อกันแบตลูกนั้นด้านชาร์ทไฟไม่เข้า ดังนั้น ถ้าได้แบตใหม่ๆจากโรงงานมาเลย มันก็ทนทานอยู่ แต่ถ้าเทียบกับแบตน้ำสู้ไม่ได้ แต่ได้เปรียบถ้ารถที่มีระบบไฟเยอะ สามารถจ่ายไฟได้ดีและนิ่งกว่าแบตน้ำธรรมดา
-แบตส่งโรงงานรถยนต์แบบ MF ส่วนใหญ่จะทำรูเปิดเช็คน้ำได้
-แบต MF ส่งตามร้านมักจะทำเป็นรูปิด เช็คน้ำไม่ได้ เสียโยนทิ้งเลย
แบตแบบนี้ราคาจะสูงกว่าแบบที่ 1
แบบที่ 3 เป็นแบตที่รวมเอาข้อดีของแบตน้ำและแบตแห้ง มารวมกันอยู่ในลูกเดียวกัน ตัดปัญหาคนใช้เลือกไม่ถูกจะเอาแบบไหนดี จับมารวมกันซะเลย โดยเอาข้อดีของแบตแบบที่ 1 คือ เอาเรื่องความทนทาน อึดทนทายาท มารวมกับแบบที่ 2 คือ เรื่องการจ่ายไฟแรง กินน้ำกลั่นน้อย ไม่ต้องดูแลบ่อยๆ สามารถเก็บไฟได้นาน 1- 3 เดือน และราคาไม่สูงจากแบบที่ 1 มาก แต่ได้คุณสมบัติที่ดีกว่า แบตรุ่นนี้ ยี่ห้อ FB เป็นเจ้าแรกที่ทำออกมาและเป็นตัวทำชื่อเสียงให้กับ FB เป็นอย่างมาก จนยี่ห้ออื่นๆตอนนี้ต้องทำตามแต่สู้ FB ไม่ได้ในเรื่องความทนทาน ดังนั้น ใครคิดไม่ออกเวลาเลือกซื้อแบตเตอรี่ว่าเอารุ่นไหน ให้เอารุ่นกลางๆ รุ่นนี้ไปเลยของ FB จะใช้ชื่อรุ่นว่า รุ่น Hybrid กินน้ำน้อย ไฟแรง อึดทนทาน แบตรุ่นนี้สำหรับใส่กระบะจะมี 2 รุ่น คือ F-135 (85 Ah.) กับ F-3000 (100 Ah.เต็ม)
แบบที่ 4 แบตแบบ MF ไม่ต้องดูแลน้ำกลั่นเลย แต่ดีไซด์ตามแบบฉบับของญี่ปุ่นและยุโรปเลย โครงสร้างแผ่นธาตุจะทนทานกว่าแบบที่ 2 แบบ MF ทั่วไป สามารถจ่ายกระแสไฟได้นิ่งและแรงกว่าขึ้นไปอีก แบตพวกนี้จะเป็นแบบตัวท็อปสุด ไม่ต้องดูแลน้ำกลั่นเลย Ah. จะสูงมาก และราคาค่อนข้างแพง ใช้งานได้ทนทาน เหมาะแก่รถเฟอร์นิเจอร์ไฟเยอะๆ ของ FB จะรับประกัน 2 ปี หรือ 60,000 กม. อย่างใดอย่างนึงถึงก่อน พวกเล่นเครื่องเสียงชอบใช้กัน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตรงนี้คือเกร็ดความรู้ ที่เกือบจะทุกคนโดนร้านแบตเตอรี่หลอก
เวลาซื้อแบตอย่ามองแต่ตัวเลขที่แบต ตัวเลขที่แบต คือ ชื่อรุ่นบอกรหัสแบต แล้วถึงจะเอาชื่อรุ่นนั้นๆ ไปเปิดตารางของแต่ละยี่ห้อบอกเป็นจำนวน Ah. ออกมา เช่น
-NS100 หรือ รุ่น 75D31 = 75 Ah. (ไม่ใช่ 100 Ah.นะจ๊ะ)
-NS110,NS120,D120,G120,NX120,95D31 = 80-85 Ah. (ไม่ใช่ 120 Ah.นะจ๊ะ)
-105D31 = 90 Ah.
ส่วนแบตติดรถ D-max ก่อน All new จะเป็นรหัส 80D26L = 65 Ah. เท่านั้น ถ้าใช้งานปกติทุกวัน จะใช้งานได้ประมาณปีครึ่งถึง 2 ปีนิด แต่ส่วนใหญ่จะอยู่เรท 1ปี 8 เดือน เริ่มทะยอยเสีย
ดังนั้น แบตเตอรี่ All new ถูกลดไซส์มาอีกเหลือ 75D26L (ซึ่งยังไม่มีไซส์นี้ในตารางแบตเตอรี่) ผมจึงเดาว่า จำนวน Ah. จำนวน Ah. ในตัวแบตออลนิวจึงเหลือแค่ประมาณ 55-60 Ah. เองเท่านั้น ดีแม๊กซ์รุ่นเก่าใช้ได้แค่ปีปลายๆถึง 2 ปี ออลนิวน่าจะเหลือแค่ปีนิดๆหรือปีครึ่งกว่าๆก็จะเริ่มทะยอยเสีย ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจทำไมถึงเสียเร็ว เพราะแบตมันลูกเล็กลง และถูกโหลดไซส์ลดจำนวนแผ่นธาตุลงมาอีก (ให้พ้นประกันเรื่องระบบไฟที่มากับตัวรถแค่ 6 เดือน - 1 ปี) ถ้าใครโดนแบตค้างนานก่อนประกอบลงรถก็จะยิ่งเสียเร็วเข้าไปอีก