ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องน้ำมันเครื่องของเหลวต่างๆ  (อ่าน 1723 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nambuca

  • ไมล์ 101-300
  • *
  • กระทู้: 149
  • คะแนน Like 1
  • จังหวัด: สมุทรปราการ
  • ชื่อเล่น: น้ำ
Re: เรื่องน้ำมันเครื่องของเหลวต่างๆ
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: 08มี.ค.2013, 11:10:06 »
แล้ว โมบิล 1 เทอร์โบ ดีเซล ปิคอัพ 5W-40  ดีไหมอ่ะครับน้าๆ emo1

ผมก็ใช้ตัวนี้นะ รถที่บ้านที่เป็นเครื่องดีเซล ใช้ตัวนี้หมด ทั้ง fortuner และ all new เท่าทีใช้ "ดีครับ" แถมแพงดีอีกด้วย 555+ ตอนเปลี่ยนครั้งแรกเอาน้ำมันเครื่องติดรถออกแล้วเปลี่ยนตัวนี้เข้าไปรู้สึกได้ว่าดีกว่าครับ
All new ISUZU D-MAX Hilander HR 2.5 VGS Z-Prestige Navi Auto

ออฟไลน์ ijung@tainkung

  • NDC.828
  • ไมล์ 2001-3000
  • *
  • กระทู้: 2569
  • คะแนน Like 116
  • " เท่าที่มี ก็เพียงพอ และพอเพียงแล้ว "
  • ชื่อเล่น: © เทน โคราชา ®
Re: เรื่องน้ำมันเครื่องของเหลวต่างๆ
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: 09มี.ค.2013, 15:11:38 »
ระยะทางของการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแต่ละชนิด

1. น้ำมันเครื่องชนิดธรรมดา ประมาณ 5000 กิโลเมตร
2. น้ำมันเครื่องชนิดกึ่งสังเคราะห์ ประมาณ 8000 กิโลเมตร
3. น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ประมาณ 15000 กิโลเมตร

ความหนืดของน้ำมันเครื่องจะเกี่ยวข้องกับการสร้างชั้นเคลือบและการไหลเวียนของน้ำมันเครื่อง ส่วนหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในการวัดเกรดความหนืดก็คือ สมาคมวิศวกรรมยานยนต์หรือ SAE (SOCIETY OF AUTOMOTIVE ENGINEERS) โดยเกรดความหนืดของน้ำมันเครื่องจะแสดงเป็นเป็นอักษรย่อ SAEแล้วตามด้วยเกรดความหนืดเป็นตัวเลขเช่น 5, 10, 15, 30, 40และ 50เป็นต้น
โดยตัวเลขยิ่งมาก ความหนืดก็จะสูงตามไปด้วยเช่น SAE 10W-50จะมีความหนืดมากกว่า SAE 5W-40
ซึ่งการวัดเกรดความหนืดจะแบ่งเป็นการวัดที่ 2 อุณหภูมิที่แตกต่างกัน
1. วัดที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส ซึ่งตัวเลขเกรดความหนืดจะตามด้วยอักษร W (WINTER) เช่น 5W, 10W
2. วัดที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส ซึ่งตัวเลขเกรดความหนืดจะเป็นตัวเลขอย่างเดียวเช่น 30, 40, 50

การเลือกน้ำมันในประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศร้อนให้ดูที่ตัวเลขตัวหลังสุดที่ไม่มีตัวอักษรนำหน้าอย่างเดียวก็พอ
เพราะประเทศไทยไม่มีอุณหภูมิติดลบจึงไม่มีความจำเป็นต้องดูตัวเลขที่มีตัวอักษร W ตามหลัง

ส่วนการเลือกเกรดความหนืดของน้ำมันเครื่องนั้นให้ดูจากคู่มือประจำรถยนต์ หากไม่ทราบเกรดความหนืดที่แน่นอนให้ใช้เกรดความหนืด 40 หากเครื่องยนต์มีอาการกินน้ำมันเครื่องให้เปลี่ยนเป็นเกรดความหนืด 50
ปัจจัยอื่นๆในการเลือกเกรดความหนืดของน้ำมันเครื่องก็คืออุณหภูมิของอากาศและสภาพความหลวมของชิ้นส่วนในเครื่องยนต์
           หากอากาศภายนอกเย็นหรือเครื่องยนต์เย็น น้ำมันเครื่องควรใสและไหลง่ายเพื่อหล่อลื่นและปกป้องชิ้นส่วนของเครื่องยต์ขณะ สตาร์ทและใช้งาน หากเครื่องยนต์ร้อนแล้วน้ำมันเครื่องใสเกินไป ชั้นเคลือบหรือฟิล์มจะบางเกินไปและไม่สามารถปกป้องชิ้นส่วนเครื่องยนต์จากการสึกหรอได้
           หากเครื่องยนต์ผ่านการใช้งานมามากและเครื่องยนต์เริ่มหลวมก็ควรเลือกน้ำมันที่มีเกรดความหนืดมากขึ้นจากมาตรฐานที่กำหนดในคู่มือรถยนต์สักหน่อยเช่นจาก 40เป็น 50 เพราะชั้นเคลือบหรือฟิล์มที่หนาขึ้นสามารถเข้าไปอุดช่องว่างที่เกิดจากการสึกหรอของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นได้อีกด้วย ในส่วนนี้สามารถช่วยป้องกันกำลังอัดรั่วไหลของเครื่องยนต์ที่เกิดจากช่องว่างระหว่างแหวนลูกสูบและกระบอกสูบได้อีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งทำให้เครื่องยนต์มีสมรรถนะที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้อีกด้วย


ได้ความรู้เพิ่มอีกแร้ว อิอิ emo45

ขอบน้ำใจขอรับ
Black Diamond ( เจ้าเพชรดำ )  emo8 emo9 
 Hilander 2.5 VGS  Z  4D M/T 
  "เท่าที่มี ก็เพียงพอ และพอเพียงแล้ว"


ออฟไลน์ Mosz.RB_NDC

  • ไมล์ 1001-2000
  • *
  • กระทู้: 1161
  • คะแนน Like 26
  • NDC.735 HR 4D 3.0ZP M/T สีทองซะวันนา (น้องทองหยิบ)
Re: เรื่องน้ำมันเครื่องของเหลวต่างๆ
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: 09มี.ค.2013, 17:23:53 »
อยากลองตัวนี้อะครับ เบอร์ 5w-30 GULF Fleet Force 2200 7ลิตร
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=340314556087674&set=a.294509617334835.69219.267685963350534&type=1&theater



All New Dmax Ratchaburi HR 3.0Zp 4D M/T ทองซะวันนา