ถ้าพูดถึงการใช้รถใช้ถนนแล้ว นอกจากปัญหาการจราจรที่นับวันดูจะสับสนวุ่นวานมากขึ้นแล้ว ปัญหาข้อบกพร่องทางเทคนิคต่างๆที่เกี่ยวกับตัวรถนั้นยังจัดว่าเป็นอีกข้อหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน และบางคนแทบไม่ทราบเลยว่าต้องทำอย่างเมื่อรถคันนั้นๆ เกิดปัญหา บ้างจะเรียกว่าแทบทั้งชีวิตไม่เคยเจอเลยก็ว่าได้
ในหลายๆปัญหาที่มักเกิดขึ้นเป้นประจำนั้น อาการเบรคแตก!!! นับว่าเป็นเรื่องหนึ่งที่มักชวนให้ขนหัวลุกได้ทุกเมื่อที่พูดถึง ด้วยเหตุที่ว่าการหยุดหรือลดความเร็วนั้นไม่สามารถทำได้ด้วยวิธีการปกติ โดยเฉพาะเมื่อรวมเข้ากับความทันสมัยมากขึ้นอย่างเกียร์อัตโนมัติ ทำให้แทบจะทันทีที่เบรคไม่สามารถทำงานได้ คุณก็เหมือนฝากชะตาไว้กับโชคเท่านั้นเอง
การเบรคแตกนั้น นับเป็นอาการหนึ่งที่ยากที่จะเกิดขึ้น ซึ่งสาเหตุนั้นโดยมากมาจากการขาดการดูแลรักษาระบบห้ามล้ออย่างถูกต้อง โดยเฉพาะผ้าเบรค และหรืออาจจะมีอาการของระบบเบรคได้รับความเสียหายจากการขับขี่ ซึ่งไม่ว่าจะคืออะไร ระบบเบรคที่เราใช้ทุกวันนี้เป็นระบบไฮดรอลิกที่ทำงานด้วยน้ำมัน ซึ่งหากมีอะไรไปทำให้เกิดความขัดข้อง ผลก็คือ ระบบจะไม่สามารถทำงานและหมายถึงการหยุดไม่สามารถทำได้ ซึ่งคนไทยเรียกว่าเบรคแตก
การขับรถซึ่งไร้เบรคนั้นนับว่าเป็นเรื่องอันตรายอย่างมาก โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง เมื่อกำลังพูดถึงรถที่วิ่งด้วยความเร็วที่มากพอจะทำให้คุณบาดเจ็บเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งทางที่ดีเราควรจะรู้วิธีป้องกัน และเข้าใจอาการเบรคแตก ที่นอกจากจะช่วยตัวคุณเองแล้วยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเพื่อนร่วมทางด้วย
.ตั้งสติ เมื่อคุณเกิดเผอิญโชคร้ายเหยียบเบรคแล้วรถไม่ชะลอหรือหยุดนั้น **ข้อแรกที่สำคัญที่สุดคือการตั้งสติ คิดให้เร็วขึ้นทำเวลาให้ช้าลงหาทางหนีที่ไล่ให้กับตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีช่องว่างให้ชิดซ้ายทันที เพราะรถเบรคแตกขับไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ไม่ปลอดภัยทั้งนั้น
2.ลดคันเร่ง-ความเร็ว จำไว้ว่าเครื่องยนต์มีแรงเสียดทาน และจงใช้มันให้เป้นประโยชน์ ซึ่งสิ่งที่เราให้คุณทำนี้เรียกว่า Engine Brake ที่เครื่องยนต์จะเกิดการหน่วง ช่วยให้เกิดการลดความเร็วอย่างกระทันหัน ซึ่ง คุณสามารถทำได้ โดยเหยียบคลัทช์ ลดตำแหน่งเกียร์ ส่วนในเกียร์อัตโนมัติใช้วิธีกดปุ่ม Overdrive on หรือ สับตำแหน่ง เกียร์ จาก D มาเป็น 3 จำไว้ว่าห้ามเปลี่ยนมาเป็น L โดยเด็ดขาดไม่เช่นนั้น อาจจะพบว่าเครื่องยนต์พังก็เป็นไปได้
3. จับพวงมาลัยให้มั่นแล้วชิดซ้าย ... เมื่อเราลดเกียร์แล้วความรู้สึกของรถจะค่อยๆ ช้าลง แต่ไม่ถึงกับหยุดสนิท จำไว้ว่าว่า ชิดซ้ายเข้าข้างทาง ห้ามเติมคันเร่ง ถ้าคุณพบว่ารถมีรถกีดขวางให้บีบแตร เพื่อส่งสัญญาณ และถ้าเป็นไปได้เปิดไฟฉุกเฉินไปด้วยพร้อมกัน
4. เบรคมือ..ช่วยได้ หลายคนมักเข้าใจผิดว่าถ้าเบรคแตกแล้วเบรคมือไม่สามารถช่วยได้ ความจริงแล้ว เบรคมือนี้มีอีกชื่อว่า E-Brake / emergency Brake ที่มันจะลดความเร็วที่ล้อหลังนั้นสามารถช่วยหน่วงและชะลอได้ แต่จำไว้ว่า อย่าดึงแรง!! ทีเดียว แต่ให้ค่อยๆดึงขึ้น จนสุด ก็จะช่วยลดความเร็วได้บ้างไม่มากก็น้อย
5.ทางลาดชันทำยังไง ในกรณีที่คุณเกิดโชคร้ายพบว่าเบรคแตกในขณะลงเขานั้น สิ่งสำคัญ คือคุณยังคงต้องลดความเร็วอยู่ดีเพียงแต่การลงเขานั้น รถจะมีโมเมนตั้มมากขึ้นจากแรงดึงดูดของโลก ซึ่งการชะลอรถควรเริ่มที่การลดเกียร์ต่ำลงก่อน แต่ให้งดการใช้เบรคมือจนกว่าจะถึงช่วงที่มีความชันน้อย ที่จะตอบสนองได้ชัดเจนกว่าและไม่ทำให้เกิดความร้อนมากเกินไป
ทั้งหมดนี้เป็นข้อควรปฏิบัติ เมื่อคุณเจอเหตุการณ์เบรคแตก ที่แม้ในความเป็นจริง มันจะเป็นช่วงระยะเวลาไม่เกิน 1 นาที ที่คุณจะตัดสินใจ แต่จำไว้ว่า ถ้าคุณมีสติไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะร้ายแรงเพียงใด สุดท้ายก็จะผ่านพ้นไปด้วยดี