ผู้เขียน หัวข้อ: สแตนเลสก็เป็นสนิม แล้วจะดูแลอย่างไร  (อ่าน 10730 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ TSP Car Accessories By ปิยณัฐ

  • ไมล์ 1001-2000
  • *
  • กระทู้: 1187
  • คะแนน Like 49
  • 3.0 MT
บังเอิญไปเจอบล๊อกดีๆเลยเอามาฝากเกี่ยวกับสแตนเลสของอาจารย์กนกไร้สนิมครับ จะได้นำไปดูแลสแตนเลสให้อยู่กับเราไปนานๆครับ
ขออนุญาตอาจารย์กนกนำบทความดีๆมาเผยแพร่นะครับ ขอบคุณครับ
ที่มาครับ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=kck-stainless&month=17-07-2010&group=1&gblog=2

เข้าใจสเตนเลส ไม่ยากอย่างที่คิด

สวัสดีครับผู้ที่สนใจสเตนเลส และกำลังคิดว่าจะใช้สเตนเลสทุกท่าน นับได้ว่าเป็นความโชคดี สำหรับหลาย ๆ คนที่ติดตามอ่านบทความของผมมาตลอด และหลายคนก็พยายามหาบทความนี้ มาสะสมเก็บไว้เพื่อที่จะนำไปเพิ่มพูนความรู้ ใช้แก้ปัญหาต่าง ๆ รวมไปถึงใช้ในการอธิบายให้ลูกค้า ที่มาติดต่อสั่งงานกับเรา ได้มีความเข้าใจ ง่าย กระชับ อีกทั้งเป็นการลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาในเวลาอันใกล้ หรือ สักระยะหนึ่ง ข้อดีก็คือจะได้ลดต้นทุน เพิ่มกำไร และลดการขาดทุนจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์นั่นเอง
ผมต้องขอขอบคุณหลาย ๆ ท่านที่ให้การสนับสนุน ให้เกิดบทความในลักษณะนี้ออกมา และหวังว่าหลาย ๆ ท่านที่ต้องการสะสมความรู้ สามารถรวบรวมกันอีกครั้ง โดยไม่พลาดโอกาสอีกแล้ว
วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจ เกี่ยวกับสเตนเลสกันก่อน เรียกว่าเริ่มรู้กันตั้งแต่ชั้นประถมกันก่อน “สเตนเลส คืออะไร” ........... สเตนเลส มีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า “เหล็กกล้าไร้สนิม” เป็นธาตุผสมกันระหว่าง “เหล็ก” และ “โครเมี่ยม” หลายคนเคยถามผมว่า ธาตุสเตนเลสมีไหม เพราะเคยได้อ่านจากเอกสารการค้าบางผลิตภัณฑ์ !!!! คำตอบคือไม่มีครับ ไม่มีธาตุสเตนเลสอยู่ในตารางธาตุเลย ไม่เหมือนกับหลาย ๆธาตุ เช่น ธาตุทองแดง ธาตุเงิน ธาตุนิเกิล ฯลฯ ซึ่งเป็นธาตุเดี่ยว ซึ่งจะนำมาผสมกับธาตุอื่น ๆ ก็ได้ ในการปรับปรุงคุณภาพ เพื่อประยุกต์กับการนำไปใช้งาน ในลักษณะที่แตกต่างกัน
จะเห็นได้ว่า “สเตนเลส” นั้นที่กล่าวมาข้างต้น มีเพียงแค่สองธาตุ คือ เหล็ก กับโครเมี่ยม เป็นหลักก็สามารถบอกได้ว่า นั่นคือสเตนเลสแล้ว แต่จะมีตัวกำหนดว่า ถ้าเป็นสเตนเลสได้นั้น ปริมาณคาร์บอนที่ผสมอยู่ จะต้องน้อยว่า 0.1 % และส่วนผสมของโครเมี่ยมจะต้องไม่น้อยกว่า 10.5% ครับ โดยหลายคนมีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องว่า สเตนเลสจะต้องมีนิเกิล 8% เสมอ ขอให้พวกเรามาติดตามอ่านบทความที่ผมเขียนนี้ จะออกมาเป็นรายสัปดาห์ ๆ ละฉบับ แล้วท่านจะเก่งกว่าใคร ๆ ที่ตกข่าวนี้ มีคำถามว่า ทำไมสเตนเลส ถึงป้องกันสนิมได้ จะเป็นอย่างไร กับอาการ “สเตนเลสตาย” ตายอย่างไร ทำไมถึงตาย
สเตนเลสเองเปรียบเสมือนกับคนอย่างเรา ๆ นี่เองครับ ถามว่าแล้วเหมือนกันตรงไหน คนเรานั้น ต้องการอากาศใช้ในการหายใจ เพื่อดำรงชีวิต ในอากาศจะประกอบด้วยก๊าซต่าง ๆ หลายชนิด แต่มีตัวหนึ่งคือ ”ก๊าซอ๊อกซิเจน” เป็นตัวสำคัญที่สุด เพราะร่างกายมนุษย์เราต้องการมัน เพื่อไปฟอกเม็ดเลือด เช่นเดียวกับสเตนเลส ก็ต้องการอ๊อกซิเจน มาทำปฎิกริยากับโครเมี่ยมที่ผสมอยู่ในเนื้อสเตนเลส ทำให้เกิดฟิมล์บาง ๆ ใส ๆ มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นครับ ซึ่งทางโลหะวิทยา จะเรียกฟิมล์ตัวนี้ว่า “Passive film” (พาสซิฟ ฟิมล์) ซึ่งเป็นตัวช่วยป้องกันการกัดกร่อนของสเตนเลสนั่นเอง (สนิม) ฟิมล์นี้จะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เมื่ออากาศสัมผัสกับผิวของสเตนเลส โดยสเตนเลสทุกเกรด ไม่ว่าเกรดสูง หรือเกรดต่ำ จะสร้างฟิลม์ได้ทั้งสิ้น ฟิมล์นี้สามารถหลุดออกได้ เมื่อเกิดการกระแทก กระเทาะ ตัด เจียร แต่ก็จะสร้างขึ้นใหม่เมื่อโดยอากาศอีกครั้ง
ความแตกต่างระหว่างเหล็ก กับสเตนเลส เมื่อทำปฎิกริยากับผิวโลหะทั้งสองเป็นอย่างไร ต่างกันตรงไหน ลองดูรูปด้านล่างครับ


เราจะเห็นได้ว่า เมื่อเหล็กทำปฎิกริยากับอ๊อกซิเจนในอากาศ จะทำให้เกิด สนิมสีแดง เรียกว่า “เฟอริคอ๊อคไซด์ “ ทำให้เหล็กเกิดการผุกร่อนชำรุดเสียหาย การป้องกันการผุกร่อนของเหล็ก คือ ทา-พ่นสี ชโลมน้ำมัน จารบี รมดำ ชุปโครเมี่ยม ฯลฯ นั่นแสดงให้เห็นว่าเหล็กนั้นไม่ชอบอากาศ หรืออ๊อกซิเจนครับ ฉบับหน้าเรามาดูต่อกันว่าแล้วสเตนเลสล่ะ เป็นอย่างไร
เหล็กเป็นสนิมได้เพราะเกิดการทำปฎิกริยาของอ๊อกซิเจนในอากาศ แม้กระทั่งนำเหล็กไปแช่ในน้ำก็เป็นสนิมได้ เพราะอย่าลืมว่าในน้ำก็มีอ๊อกซิเจนเหมือนกัน คราวนี้สเตนเลสล่ะ เราต้องอย่าปิดกั้นไม่ให้ผิวสเตนเลสขาดอ๊อกซิเจน เพื่อเขาจะได้สร้างฟิมล์ป้องกันสนิม การทาน้ำมัน พ่นสี ติดสติกเกอร์ ต้องหลีกเลี่ยงครับ แล้วถ้านำสเตนเลสไปแช่น้ำล่ะ เป็นสนิมไหม คำตอบก็คือไม่เป็นครับ เพราะอ๊อกซิเจนในน้ำก็ทำปฎิกริยากับผิวสเตนเลสเช่นกัน มิฉนั้นแล้วถังน้ำสเตนเลสก็ขายกันไม่ได้แน่นอน ยกเว้นอย่าน้ำไปใช้กับน้ำกร่อย น้ำเค็ม น้ำเปรี้ยว เกิดสนิมแน่นอน แล้วผมจะเล่าให้ฟัง
โครเมี่ยมจะเป็นตัวช่วยหลัก เพื่อไม่ให้เกิดอ๊อกไซด์ (สนิม) ซึ่งสเตนเลสในตระกูล 400 (สเตนเลสที่มีเลข 4 นำหน้าโค๊ดทั้งหมด) ซึ่งไม่มีธาตุนิเกิลผสมอยู่เลย และที่ใช้กันอยู่ เช่น สเตนเลสเกรด 444, 430, 430Ti, 439, 409,409L, 420J1, 420J2 เป็นต้น ขอยกตัวอย่าง สเตนเลสเกรด 430 ซึ่งจะประกอบไปด้วย เหล็ก คาร์บอน และโครเมี่ยม ที่ 17% ถ้าเราดูจากโค๊ดจะเขียนว่า 17-0 นั่นหมายความว่า มีโครเมี่ยมอยู่ 17% และนิเกิล 0% และเช่นเดียวกันถ้าเราเห็นโค๊ด 18-8, 18-9, 18-10 ถ้า 18-8 นั่นหมายความว่า โครเมี่ยม 18% และ นิเกิล 8% ครับ ซึ่งอยู่ในตระกูล 300 (สเตนเลสที่โค๊ดใช้เลข 3 ขึ้นก่อนหน้าทั้งหมด)
บางคนก็เลยคิดว่า ในเมื่อโครเมี่ยมเป็นตัวช่วยป้องกันการเกิดสนิม ก็ใช้เหล็กชุบโครเมี่ยมดีกว่า ถูกกว่าสเตนเลสเยอะเชียว ผมจะเปรียบเทียบให้เข้าใจอย่างง่าย ๆ ครับ หลายคนคงเคยทานไอศรีมวลิลาเคลือบช๊อคโกแล๊ต เมื่อเรากัดเอาช๊อคโกแลตที่เคลือบออกก็จะเห็นวลิลา เปรียบเสมือนเหล็กชุปโครเมี่ยม ถ้าโครเมี่ยมไม่กระเทาะออกก็จะไม่เห็นเนื้อเหล็กนั่นเอง แต่ที่เห็นเหล็กชุบโครเมี่ยมเป็นสนิมนั้น เนื่องมาจากการเติมผิวเหล็ก ก่อนนำไปชุปโครเมี่ยมสอาดไม่เพียงพอครับ

คราวนี้เรามาเปรียบเทียบสเตนเลสกันบ้าง ผมจะเปรียบเสมือนน้ำแตงโมปั่น ระหว่างเนื้อแตงโมกับน้ำแข็ง มาปั่นรวมกัน เราไม่สามารถแยกเนื้อแตงโมออกจากน้ำแข็งได้เลย ทุกครั้งที่หยิบก็ต้องมีแตงโมและน้ำแข็ง ในสเตนเลสก็เหมือนกันโครเมี่ยมถูกผสมในเหล็ก ในขณะที่เหล็กเป็นของเหลว โดยโครเมี่ยมจะผสมไปทั่วทุกอณูของน้ำเหล็กเลยครับ

จะเห็นได้ว่าระหว่างเหล็กชุบโครเมี่ยม กับสเตนเลสแตกต่างกันถึงแม้ว่าจะมีเหล็ก และโครงเมี่ยมเป็นองค์ประกอบเหมือน ๆ กันครับ สนิมของเหล็กจะมีความพรุนลักษณะคล้ายกับฟองน้ำ การเกิดสนิมจะเกิดขึ้นที่ชั้นแรกที่ทำปฎิกริยากับอ๊อกซิเจนในอากาศก่อน แล้วจะกินลงไปเป็นชั้น ๆ จนกระทั่งหมดเนื้อเหล็ก ถ้าเราไม่หยุดยั้งไว้ น้ำหนักของเหล็กจะเบาลงเรื่อย ๆ และชั้นสนิมจะเป็นแผ่น ๆ เหมือนขนมชั้นครับ ต่างกับสเตนเลส ถ้าหากเกิดสนิมขึ้นเป็นจุด ๆ วิธีการตรวจสอบว่าเป็นสนิมระดับไหน ให้เพื่อน ๆ ใช้ปลายเล็บขูดไปที่ตัวสนิมให้หลุดออก และมองดู ณ.จุดที่สนิมขึ้นนั้นว่ายังคงมีจุดรอยสนิมหรือไม่ ถ้าไม่มีแสดงว่าอาจจะเป็นเศษเหล็ก ฝุ่นเหล็กปลิวมาเกาะ ทำให้เศษเหล็กนั้นเป็นสนิม ซึ่งมาจากการถ่ายกระแสไฟฟ้าสถิตย์ระหว่างสเตนเลส กับเศษเหล็กทำให้เกิดสนิมนั่นเอง เพราะฉะนั้นใครที่มีประตู รั้วสเตนเลส อย่านำตะข่ายกรงไก่ไปมัดกั้นไปให้น้องหมา น้องแมวเข้าออกจากบ้านเป็นอันขาด เพราะจะทำให้งานสเตนเลสของคุณเป็นสนิมไปด้วย ควรใช้เป็นตะข่ายแบบพลาสติกจะดีกว่าครับ
แต่ถ้ามีจุดดำ ๆ หรือสีแดง ๆ เรียกว่าสนิมรูเข็ม แสดงว่าสนิมเริ่มก่อตัวที่ผิวสเตนเลส และคราวนี้ขึ้นอยู่กับว่าสนิมนั้นเกิดขึ้นนานเท่าไร เพราะสนิมของสเตนเลสจะต่างกับเหล็กก็คือ จะเจาะลงแนวลึก และจะเป็นโพรงสนิมอยู่ภายในเนื้อสเตนเลส ลักษณะคล้ายกับโพรงหนู ตามรูปด้านล่าง

คราวนี้ผมคิดว่าเพื่อน ๆ นั้นเข้าใจแล้วระหว่างเหล็ก กับสเตนเลสแตกต่างกันอย่างไร การเกิดสนิมเป็นอย่างไร ภาพด้านบนนั้นจะเป็นภาพจริงลักษณะสนิมของสเตนเลสที่เป็นแบบโพรงหนู ซึ่งสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ ภาควิชาเทคโนโลยีการกัดกร่อนได้ทำภาพตัดของจริงมาดูกันครับ
จากภาพด้านล่างนี้จะทำให้เพื่อน ๆ เข้าใจมากขึ้นว่าสนิมเหล็กที่ว่าสนิมจะเป็นชั้น ๆ เพราะเวลาเราเคาะเหล็กที่เป็นสนิม จะเห็นว่าสนิมจะหลุดออกมาเป็นแผ่น ๆ แต่สเตนเลสสนิมจะถูกเจาะเป็นโพรง ตามรูปครับ


ต่อไปนี้เราจะมารู้กันว่าสเตนเลสนั้นที่ว่าเป็นโลหะผสมในกลุ่มอัลลอยล์นั้น มีเฉพาะธาตุเหล็ก กับธาตุโครเมี่ยมเท่านั้นหรือ คำตอบคือไม่ใช่แต่ยังจะมีธาตุอื่น ๆ อีกหลายชนิดที่จะเป็นการเพิ่มคุณสมบัติบางประการให้กับสเตนเลสในแต่ละเกรดครับ เราตามมาเพิ่มความรู้ด้วยกันครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23ก.ย.2012, 10:46:18 โดย TSP Car Accessories By ปิยณัฐ »

ปิยณัฐ TEL 081-7787128

ออฟไลน์ TSP Car Accessories By ปิยณัฐ

  • ไมล์ 1001-2000
  • *
  • กระทู้: 1187
  • คะแนน Like 49
  • 3.0 MT
Re: สแตนเลสก็เป็นสนิม แล้วจะดูแลอย่างไร
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 23ก.ย.2012, 10:44:50 »
เรามาเริ่มรู้จักกันตั้งแต่ตัวแรกเลยนะครับ
คาร์บอน (Carbon), C
จากข้อมูลที่ได้อ่านผ่านมาข้างต้น จะเห็นได้ว่า คาร์บอน จะถูกผสมอยู่ในเนื้อโลหะ ตัวอย่างเช่น เหล็กมีส่วนผสมของคาร์บอนอยู่จะทำให้มีความแข็ง ยิ่งมีมากยิ่งแข็งมาก แต่จะมีความเปราะ ลองเปรียบเทียบกับ เพชรนะครับ เพชรมีความแข็งมากที่สุดในกลุ่มวัสดุ แต่จะมีความเปราะ เมื่อตกกระแทกหรือร่วงหล่นลงพื้น ก็จะแตกหักได้ง่ายนั่นเอง ในตัวสเตนเลสเองจะมีการควบคุมปริมาณคาร์บอนอยู่ โดยทั่วไปจะไม่ให้เกิน 0.1 % ในสเตนเลสทั่วไปหรือสามารถจะควบคุมให้ต่ำลงเหลือเพียง 0.03% ซึ่งอยู่ในจำพวกที่มี L ต่อท้ายนั่นเอง แต่ว่าสเตนเลสบางเกรดนั้นมีความประสงค์ต้องการใช้คุณสมบัติด้านความแข็งมาใช้ ก็จะให้คาร์บอนที่ผสมอยู่มากกว่า 0.1% อย่างเช่น ใบมีดโกน มีดหมอผ่าตัด มีดแมกไกเวอร์ ฯลฯ.
โครเมี่ยม (Chromium), Cr
โครเมี่ยมเป็นส่วนผสมหลักในเนื้อของสเตนเลส โดยจะผสมลงในน้ำเหล็กและธาตุโครเมี่ยมนี้ จากทดลองและวิเคราะห์วิจัยข้อมูลของ A J Sedriks ได้สรุปผลวิเคราะห์ว่า เมื่อเติมโครเมี่ยมลงไปในเนื้อเหล็กอย่างน้อย 10.5 % จะสามารถลดการสูญเสียน้ำหนักของโลหะได้ นั่นหมายความว่าเหล็กกล้าผสมโครเมี่ยมนี้มีความสามารถป้องการการกัดกร่อนได้ (Resistance corrosion) ธาตุโครเมี่ยมนี้จะเป็นตัวที่จะป้องกันการกัดกร่อนได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว สเตนเลสหลายๆ เกรดก็ไม่ได้ผสมธาตุโครเมี่ยมตามทฤษฏี คือ 10.5 % ส่วนมากจะผสมมากกว่านั้น แล้วแต่คุณสมบัติหรือวัตถุประสงค์ของการใช้งานนั่นเอง
นิเกิล (Nikle),Ni
นิเกิลเป็ธาตุอีกตัวหนึ่งที่ใช้ผสมลงในเนื้อสเตนเลสบางเกรด แต่ไม่ใช่ทั้งหมด สเตนเลสบางตระกูลก็ไม่ใช่นิเกิลเป็นส่วนผสมเลย เช่น ตระกูล 400 ซึ่งจะไม่มีธาตุตัวนี้เป็นส่วนประกอบอยู่ เหล็กกล้าผสมเมื่อเติมธาตุนิเกิลลงไป ก็จะทำให้โครงสร้างภายในเป็นออสเตนไนท์ ที่อุณหภูมิห้อง ฟังแล้วช่างหรือผู้ออกแบบหลายคนเริ่มจะปวดหัวขึ้นมา พอจะอธิบายง่าย ๆ ว่า เมื่อเติมธาตุนิเกิลลงไปในสเตนเลสบางตระกูล ตัวอย่างเช่น ตระกูล 300 ก็จะทำให้สเตนเลสนั้น ไม่มีการตอบสนองกับการดูดของแรงแม่เหล็กนั่นเอง ขอยกบางกรณีของสเตนเลส เกรด 430 ขึ้นมาให้มองเห็นภาพง่ายขึ้น สเตนเลสตัวนี้จะไม่มีธาตุนิเกิลเป็นส่วนประกอบเลย โดยจะมีการผสมระหว่างเหล็ก กับโครเมี่ยม ประมาณ 17% (ส่วนประกอบย่อยธาตุตัวอื่น ๆ จะไม่กล่าวถึงในที่นี้) สเตนเลสเกรดนี้จะมีปฏิกิริยาตอบสนองกับแรงดูดของแม่เหล็ก คล้ายกับเหล็กทั่วไป แต่เมื่อเราเติมธาตุนิเกิลผสมลงไป ตัวอย่างเช่น 8 % ก็จะทำให้สเตนเลสตัวนี้เปลี่ยนจากตระกูล 400 เป็นตระกูล 300 คือสเตนเลสเกรด 304 (มีโครเมี่ยม 18 % และนิเกิล 8 %) ซึ่งเป็นสเตนเลสที่แม่เหล็กดูดไม่ติดนั่นเอง และถ้าเราแยกธาตุนิเกิลออกมา สเตนเลสตัวนี้ก็จะมีปฏิกิริยาต่อแรงดูดของแม่เหล็กทันที ยังมีอีกประการหนึ่งก็คือ สเตนเลสที่เติมธาตุนิเกิลลงไปจะทำให้ง่ายต่อการขึ้นรูป เช่นการปั้มขึ้นรูปภาชนะต่าง ๆ อ่างล้างจาน ฯลฯ เป็นต้น เพราะจะมีความสามารถในการยึดตัวสูง (Elongation) ส่วนการป้องกันการกัดกร่อนนั้นก็จะเป็นตัวช่วยเพิ่มขึ้นบ้าง
แมงกานิส (Manganese), Mn
ธาตุนี้เป็นส่วนผสมของสเตนเลสทุกเกรด แต่จะเป็นส่วนประกอบหลักหรือส่วนประกอบย่อยนั้น คงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ธาตุแมงกานิสนี้จะมีคุณสมบัติบางประการมี่มีความคล้ายคลึงกับธาตุนิเกิล ก็คือ เมื่อเติมธาตุแมงกานิสผสมลงไปในเหล็กกล้าผสม ตัวอย่างเช่น 5 – 9 % ในตระกูล 200 จะทำให้สเตนเลสตัวนี้แม่เหล็กดูดไม่ติดเหมือนกับสเตนเลสที่เติมธาตุนิเกิลลงไปนั่นเอง แต่ธาตุแมงกานิสเมื่อผสมเติมลงไปนั้นจะทำให้
สเตนเลสมีค่าความแข็งเพิ่มขึ้น และยากต่อการนำมาขึ้นรูป เพราะฉะนั้นสเตนเลสที่มีการผสมเติมธาตุแมงกานิสนั้น ก็จะต้องเติมธาตุนิเกิลลงไปด้วย เพื่อทำให้สเตนที่ใช้ธาตุแมงกานิส เป็นองค์ประกอบหลัก ลดค่าความแข็งลง เมื่อนำไปปั้มขึ้นรูปก็จะไม่เกิดการแตกนั่นเอง ในความคิดของ กนก ไร้สนิม คิดว่า สเตนเลสที่เติมธาตุแมงกานิสเป็นองค์ประกอบหลักนั้น เพื่อเพิ่มคุณค่าทางใจมากกว่า เพราะว่า เรามีความเชื่อกันว่าสเตนเลสที่ไม่มีปฏิกิริยาต่อแรงดูดของแม่เหล็กนั้น เป็นสเตนเลสที่ดี (สมัยในอดีตคนญี่ปุ่นได้นำสเตนเลสเข้ามาจำหน่าย โดยไม่รู้ว่าจะทำให้คนไทยนั้น สามารถแยกระหว่างเหล็กทั่วไปและสเตนเลส ซึ่งจะใช้วิธีทดสอบโดยนำแม่เหล็กมาเป็นดัชนีตัวชี้วัดว่า สเตนเลสต่างกับเหล็กอย่างไร และเราก็มีความเชื่อกันมานานมาก ๆ เรียกว่าเข้าไปอยู่ในสมองส่วนลึกของเราเลยล่ะ) ก็เลยทำให้หลาย ๆ คนไม่รู้ว่าจะอธิบายให้ผู้สนใจที่จะนำสเตนเลสไปใช้งาน หรือลูกค้าฟังอย่างไร จุดเดียวที่จะง่ายที่สุด และมองเห็นก็คือ นำแม่เหล็กมาดูดนั่นเอง แต่ กนก ไร้สนิม มีความคิดเห็นว่า เดี๋ยวนี้มันใช้ไม่ได้แล้ว เพราะสเตนเลสที่แม่เหล็กดูดติด เดี๋ยวนี้ก็มีมาก จึงยากที่จะเชื่อใจได้ว่าโลหะที่มองเห็นอยู่ข้างหน้า ใช่สเตนเลสหรือไม่

โมลิเดนั่ม (Molybdenum), Mo
โมลิเดนั่มเป็นธาตุ ๆ หนึ่งที่เป็นส่วนประกอบของสเตนเลสบางเกรด หน้าที่ของโมลิเดนั่ม เมื่อถูกผสมลงไปในเนื้อของสเตนเลสจะช่วยทำให้ เพิ่มความต้านทานกัดกร่อนแบบรูเข็ม
หลาย ๆ คนคงสงสัยว่า การกัดกร่อนแบบรูเข็ม เป็นอย่างไร ให้อ่านไปเรื่อย ๆ จนว่าว่าด้วยเรื่องของการกัดกร่อนที่เกิดกับสเตนเลส คิดว่าคงจะเข้าใจไม่ยากนัก โมลิเดนั่มในสเตนเลสบางเกรด เช่น ตระกูล 300 คือ 316 และ 316L หรือ ตระกูล 400 เช่น 444 ซึ่งมีส่วนประกอบของโมลิเดนั่ม ประมาณ 2 % สามารถป้องกันและยับยั้งการกัดกร่อนที่เกิดจากพวกครอไรด์ได้ ครอไรด์อยู่ที่ไหน ถ้าตามธรรมชาติก็คือ ตามชายทะเล ไอเค็มจากทะเล หรือถ้าไม่มาจากธรรมชาติ ก็จำพวกครอรีนที่ผสมไว้ในน้ำในสระว่ายน้ำนั่นเอง ครอไรด์ จะมีสูตรทางเคมี คือ “Cl” นั่นเอง เพราะฉะนั่นเราควรพิจารณาว่า งานสเตนเลสของเราได้ถูกนำไปใช้ในสภาพแวคล้อมที่ครอไรด์หรือไม่ ก่อนตัดสินใจเสนองานสเตนเลสกับลูกค้าเพราะเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาลูกค้าเขาไม่สนใจว่าเกิดจากวัตถุดิบ หรือ อะไรก็ตาม แต่ลูกค้าต้องการว่าจะไม่เป็นสนิมเกิดขึ้นในระยะเวลาอย่างน้อย 2-3 ปี ก็จะทำให้ช่างสเตนเลส หรือผู้ผลิตเกิดปัญหาการเครม หรือ ให้เปลี่ยนวัสดุตัวใหม่แทน นั่นเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงที่เดียว อีกทั้งเสียชื่อเสียงที่ได้สะสมมาจากในอดีต เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือไม่ศึกษาถึงตัวสเตนเลสแต่ละตัวก่อนนั่นเอง
ไททาเนี่ยม (Titanium), Ti
ไททาเนี่ยมเป็นโลหะชนิดหนึ่งที่มีน้ำหนักเบา แต่มีความแข็งมากกว่าสเตนเลส โดยจะถูกนำมาผสมกับโลหะตัวอื่น ๆ เช่นอลูมิเนี่ยม ที่นำไปใช้ผลิตลำตัวเครื่องบิน ซึ่งสามารถทนต่อแรงกดดันของบรรยากาศสูง อีกทั้งทนทานทั้งความร้อนและความเย็นต่ำกว่าศูนย์องศาได้ดี หรือนำไปทำท่อไททาเนี่ยมที่ใช้ผลิตหลอดน้ำของตัวคอนเดนเซอร์ ฮีทเอ็กเช็นเจอร์ (Condenser or heat exchanger) ในโรงงานไฟฟ้านิวเครียร์ ในปัจจุบัน แต่ทำไม่ต่องนำไททาเนี่มมาเป็นส่วนผสมในสเตนเลสบางตระกูล หรือบางเกรด เช่นตระกูล 400 ตัวอย่างเช่น เกรด 430Ti, 439,409 เป็นต้น เพราะคุณสมบัติของไททาเนี่ยมจะสามารถช่วยในเรื่องของการปรับปรุงเชื่อมของสเตนเลสได้ดี เพราะว่าสเตนเลสตระกูล 400 นั้น จะมีปัญหาเรื่องของการเชื่อม เช่นสเตนเลสเกรด 430 เมื่อนำมาเชื่อม จะเกิดโครเมี่ยมคาร์ไบด์ บริเวณรอยเชื่อมจากทำให้เกิดการแตก และสูญเสียโครเมี่ยมบริเวณรอยเชื่อม ทำให้ลดคุณสมบัติความต้านทานการกัดกร่อนลง ซึ่งไม่เป็นผลดีกับสเตนเลสเลย จึงได้มีการพัฒนาโดยผสมไททาเนี่นมลงไปในเนื้อสเตนเลส เพื่อเพิ่มคุณสมบัติความสามารถในการเชื่อม โดยจะป้องกันการเกิดโครเมี่ยมคารไบด์ ในบริเวณรอยเชื่อมนั่นเอง นอกจากนั้นไททาเนี่ยมอย่างที่กล่าวในตอนต้นว่า มีความสามารถต่องานที่ต้องทนความร้อนที่สูงและมีความร้อนต่อเนื่องในขณะใช้งานของอุปกรณ์บางชนิด เช่น สเตนเลส เกรด 409 หรือ 409L นั้นจะถูกนำมาใช้ทำท่อเฮดเดอร์ ของเครื่องยนต์ในปัจจุบันบนท้องถนนที่วิ่งกันมากมาย ราวกับมดดำบนลานปูน ไททาเนี่ยมเป็นโลหะที่มีราคาแพง เมื่อนำไปผสมกับโลหะอื่นก็จะทำให้มีราคาสูงขึ้น ตัวอย่างง่าย ๆ และใกล้ตัวที่สุดก็คือ กรอบแว่นตาของเรา ที่ไททาเนี่ยมผสมอยู่ จะเห็นได้ว่ามีน้ำหนักเบากว่า กรอบโลหะทั่วไป และแพงกว่าอีกด้วย
ไนโอเบี่ยม (Niobium), Nb
ไนโอเบี่ยมก็จะมีลักษณะที่คล้ายกับ ไททาเนี่ยมที่ใช้ผสมลงในเนื้อสเตนเลสบางเกรดเพื่อช่วยในเรื่องของการเชื่อมประสานสเตนเลส
ทองแดง (Copper), Cu
ทองแดงจัดว่าเป็นโลหะชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถนำมาผสมลงในเนื้อสเตนเลสได้ สามารถช่วยเพิ่มในเรื่องของความต้านทานการกัดกร่อนต่อสเตนเลสด้วย เพราะสเตนเลสบางตัวซึ่งเป็นสเตนเลสชนิดใช้ภายในอาคาร หรือบริเวณที่ปลอดมลภวะของสารเคมีต่าง ๆ ซึ่งมีความสามารถป้องกันการกัดกร่อนไม่ดี เมื่อนำทองแดงมาเป็นส่วนผสมเข้าไป ทำให้สามารถนำออกมาใช้ภายนอกได้ดี แต่ยกเว้นบริเวณที่มีสภาวะแวคล้อมของครอไรด์ จะค่อนข้างบอบบางเลยที่เดียว ทองแดงจะถูกผสมลงในสเตนเลสบางเกรดในตระกูล 200 เช่น 201Modifier, 204 Cu
จากการอธิบายข้างต้นทั้งหมด เราคงจะพอตามทันและเข้าใจอย่างไม่ยากนัก ส่วนธาตุเป็นองค์ประกอบอื่น ๆ นั้น เช่น ซิลิกอน (Si), ไนโตรเจน (N) และอื่นๆ จะไม่ขอกล่าวถึง

ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นธาตุหลัก ๆ ที่เราจะต้องรู้จักมันเสียก่อน เพราะอะไรครับ เพราะว่าในสเตนเลสแต่ละเกรด แต่ละชนิดจะใช้ตัวอักษรเป็นสัญญาลักษณ์ ต่อท้ายตัวเลขที่ระบุมา ซึ่งเราจะได้ไม่งงว่า คือตัวอะไร และมีไว้ในสเตนเลสตัวนั้น เพื่อประโยชน์อะไรครับ

คราวนี้เรามาดูกันว่าสเตนเลสเขาแบ่งออกเป็นกลุ่มหลักใหญ่ ๆ อะไรบ้าง และกลุ่มใดบ้างนำมาใช้ทำอะไร กลุ่มใดบ้างที่สามารถเหมาะสำหรับการใช้งานในสิ่งแสคล้อมไหนกันนะครับ
เราเริ่มกันที่กลุ่มแรกก่อน คือ
กลุ่มเฟอริตริก (Ferritic)
กลุ่มนี้จะเป็นสเตนเลสที่มีปริมาณคาร์บอนน้อยกว่า 0.1 % และไม่มีนิเกิลผสมอยู่เลย ทำให้กลุ่มนี้ราคาถูก และสามารถนำมาผลิตผลิตภัณฑ์ได้หลายอย่าง สเตนเลสในกลุ่มนี้ถ้าเราจะเรียกอย่างง่าย ๆ ว่า สเตนเลสตระกูล 400 ซึ่งสเตนเลสตระกูลนี้จะมีแรงปฎิกริยาต่อการดูดของแม่เหล็ก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านั่นไม่ใช่สเตนเลสนะครับ หลาย ๆ คนคิดว่าสเตนเลสต้องแม่เหล็กดูดไม่ติด ถ้าดูดติดนั้นเป็นเหล็กธรรมดา หรือบางคนอาจจะคิดว่าสเตนเลสนั้นมีส่วนผสมของเหล็กเยอะ ประโยคหลังอาจจะดูใกล้เคียงครับ เพราะสเตนเลสอย่างที่เรา ติดตามอ่านอ่านมาตั้งแต่ต้นเขาก็คือเหล็กครับ แต่ไม่ใช่เหล็กธรรมดาทั่วไปนั่นเอง หลาย ๆ อย่างผลิตภัณฑ์ที่เราใช้งานกันอยู่จากสเตนเลสตระกูลนี้ คือ ช้อนที่ใช้รับประทานอาหาร เช่นช้อนสั้น หรือช้อนแกงครับ เราใช้กันมานานแสนนาน บางอันเรียกได้ว่าตั้งแต่สมัยคุณปู่ คุณย่าเลยเชียวเรายังไม่เคยเห็นสนิมที่เกิดขั้นเลย เพราะอะไรครับ ก็เพราะว่าสเตนเลสทุกเกรดต้องการการดูแล การทำความสะอาด เช่นเดียวกับช้อนที่กล่าวมานั้นทุกครั้งเวลาทานอาหารเสร็จ เราคงปฎิเสธไม่ได้ว่า เราไม่ล้างทำความสะอาดช้อนนั้น การล้างเป็นการกำจัดคราบไขมันที่เกาะอยู่บนผิวของสเตนเลสออกไป ทำให้อ๊อกซิเจนในอากาศสามารถทำปฎิกริยากับโครเมี่ยมในผิวสเตนเลส เพื่อสร้างฟิมล์ป้องกันสนิมครับ แต่ถ้าเราไม่ล้างซิ แน่นอนอ๊อกซิเจนไม่สามารถผ่านชั้นฟิมล์ไขมันได้ การทำปฎิกริยาระหว่างอ๊อกซิเจนในอากาศกับ ผิวของสเตนเลสย่อมไม่สามรถเกิดขึ้นได้ เกิดสนิมแน่นอน แต่จะใช้ระยะเวลาประมาณ 4-6 เดือนก็สามารถสังเกตุสนิมได้ครับ นอกจากนั้น
สเตนเลสในตระกูลนี้ก็ยังสามารถนำมาผลิตถังเครื่องซักผ้าครับ เพราะราคาจะถูกกว่า ประหยัดกว่า ลดต้นทุนได้ดีกว่าครับ ลองดูเครื่องซักผ้าชนิดปั่นหน้า ไม่ว่ายี่ห้อใด ๆ ลองดูครับ โดยถังเครื่องซักผ้าที่เป็นสเตนเลสนั้นจะแยกออกเป็นสองส่วน คือ ส่วนที่เป็นดรัม (คือส่วนที่เจาะเป็นรูเล็ก ๆ ) และส่วนที่เป็นใบพัด (ส่วนด้านหลัง ปั๊มขึ้นรูป) ตามภาพด้านล่าง



โดยทั่วไปถังเครื่องซักผ้านี้ จะประกอบไปด้วยสเตนเลส 2 ตัวคือ ส่วนที่เจาะเป็นรูเล็ก ๆ และส่วนปั๊มใบพัดนูน เพื่อใช้ในการกลับผ้าที่ซัก เรามาดูว่าสเตนเลสชนิดที่แม่เหล็กดูดติดนั้น จะอยู่ในส่วนที่เจาะเป็นรูเล็ก ๆ โดยจะใช้สเตนเลสเกรด 430 (17/0) หมายความว่า สเตนเลสตัวนั้นมีเปอร์เซ็นโครเมี่ยมที่ผสมอยู่ 17% และมีเปอร์เซ็นต์นิเกิลผสมอยู่ 0 % ครับ ส่วนในส่วนใบพัดนูน เขาจะใช้สเตนเลสเกรด 304 (18/8) หมายความถึงเปอร์เซ็นต์โครเมี่ยมอยู่ที่ 18% และนิเกิลอยู่ที่ 8% ครับ นั่นก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการปั๊มขึ้นรูป ยิ่งมีส่วนที่ปั๊มขึ้นรูปลึก หรือสูงเท่าไหร่เขาก็จะเลือกสเตนเลสที่มีส่วนผสมของธาตุนิเกิลสูงขึ้นครับ เช่น 304D (18/9) และ 304DDQ (18/10) นั่นเอง
แล้วสเตนเลส 430 ไม่เป็นสนิมหรือ นั่นเป็นคำถามที่ดีครับ สเตนเลสเกรด 430 จะมีคุณสมบัติที่ดีหลายประการ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะดีไปทั้งหมดทุกอย่างย่อมมีจุดแข็งและจุดอ่อน
ข้อดีของสเตนเลส 430 คือ ราคาถูก สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ ตรวจสอบง่ายโดยใช้แม่เหล็ก ทนต่อสภาพครอไลด์ดี ฯลฯ
ข้อเสียของสเตนเลส 430 คือ เนื่องจากแม่เหล็กดูดติดทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่าเป็นสเตนเลส หรือเหล็กกันแน่ บางคนบอกแม่เหล็กดูดติดไม่ดี และก็ไม่ยอมรับกันเสียเลย การป๊มขึ้นรูปไม่ดี ไม่ลึก แต่ก็สามารถปั๊มขึ้นรูปได้ในความลึกที่จำกัด การเชื่อมไม่ค่อยดีนัก อีกจุดหนึ่งก็คือสเตนเลสเกรด 430 ไม่ต้องการสภาพน้ำขังนาน ๆ ซึ่งจะทำให้เกิดสนิมชึ้นได้ ดังรูปที่ 8
คำเตือน ถ้าต้องการใช้สเตนเลสเกรด 430 มาปั๊มขึ้นรูปควรดูเปอร์เซ็นต์ยืดตัว (elongation) ไม่ต่ำกว่า 24


ก็เลยมีหลายคนคิดว่า เอา! แล้วทำไม่เอาสเตนเลสเกรดนี้มาใช้ทำเครื่องซักผ้าทำไมกัน เพราะยังไงก็ต้องมีน้ำ หรือหยดน้ำเกาะอยู่ดี ตรงนี้หลายคนคงจะลืมไปว่า ระบบของเครื่องซักผ้านั้น ขบวนการสุดท้าย คือการปั่นหมาด นั่นคือสิ่งที่สามารถตอบได้ว่า ไม่มีน้ำเกาะเลยสักหยดบนถังสเตนเลสของเครื่องซักผ้าเลยครับ แล้วถ้านำสเตนเลสเกรด 430 มาทำเป็นใบพัดล่ะจะเป็นอย่างไร คำตอบให้ดูจากรูปที่ 9 เลยครับ



แล้วสเตนเลสตระกูล 400 มีเฉพาะเกรด 430 หรือ คำตอบคือไม่ใช่ แต่จะมีอีกหลาย ๆ ตัวพอสังเขปดังนี้ เช่น เกรด 430Ti (TI=ไททาเนี่ยม), 439, 409, 409L, 444 เป็นต้น กลุ่มต่อไปคือ
กลุ่ม มาร์เทนซิตริก (Martensitic)
กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีปฎิกริยากับแม่เหล็กเหมือนกัน เช่นเดียวกับกลุ่มแรก ก็ยังอยู่ในตระกูล 400 แต่จะต่างกันที่เปอร์เซ็นต์ของคาร์บอนที่ผสมอยู่ โดยปกติแล้วตามข้อมูลที่แสดงไว้ว่าสเตนเลสจะต้องมีปริมาณคาร์บอนที่ผสมอสยู่ น้อยกว่าหรือเท่ากับ 0.1% แต่กลุ่มมาร์เทนซิตริกนี้จะยกเว้น โดยที่ปริมาณคาร์บอนจะมากกว่า 0.1% ครับ เพราะอะไรหรือ เพราะสเตนเลสในกลุ่มนี้สามารถ ทำการอบ-ชุบได้ (Heat Treatment) ในขั้นตอนของการชุบแข็ง (Hardening) ได้ สเตนเลสในกลุ่มนี้จะใช้ทำอะไรได้บ้าง ตัวอย่างเช่น ใบมีดโกนหนวด, มีดหมอผ่าตัด, มีดแมกไกเวอร์ ฯลฯ ดังภาพที่ 10 ครับ



จะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ทำด้วยสเตนเลสเกรดนี้ จำเป็นใช้นำคุณสมบัติด้านความแข็งมาใช้งาน เพราะฉนั้นคาร์บอนที่ผสมอยู่มากกว่า 0.1% ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในเรื่องความแข็ง แต่ก็มีข้อเสียเรื่องของความเปราะในมุมกลับกันด้วย และจะทำให้คุณสมบัติต้านทานการกัดกร่อนก็ลดลงบ้างด้วย ตัวอย่างสเตนเลสในตระกูลนี้ เช่น 410, 420J1, 420J2 เป็นต้น
มาดูสเตนเลสกลุ่มต่อไปบ้าง อย่าพึ่งไปงงนะครับ อ่านไว้ได้ความรู้มาก ๆ ในช่วงหลัง ๆ เราจะยิ่งเกิดความเข้าใจได้รวดเร็วขึ้น
กลุ่ม ออสเตนเนตริก (Austennitic)
สเตสเลสในกลุ่มนี้ จะเรียกว่าสเตนเลสตระกูล 300 คือสเตนเลสที่มีค๊ดตัวเลข ที่ขึ้นต้นด้วยเลข 3 เช่น 301, 302, 303, 303Se, 304, 304L, 304N, 304H, 305, 316, 316L, 308, 308L, 309, 310, 317, 317L, 321,329, 347 ฯลฯ
สเตนเลสในกลุ่มจะเพิ่มธาตุนิเกิลผสมเข้ากับเหล็กด้วย ทำให้องค์ประกอบของสเตนเลสนี้มีการเรียกกันว่า Nickel base ซึ่งตัวธาตุนิเกิลเมื่อผสมอยู่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างภายใน ผลที่เกิดขึ้นก็คือสเตนเลสในกลุ่มนี้จะไม่ตอบสนองกับปฎิกริยาแรงดูดของแม่เหล็ก เมื่ออยู่ในสภาพปกติ ต่อเมื่อมีการตัด การเชื่อม การเจียร การดัดโค้ง การแมทชีนนิ่ง แม้แต่การปั๊มขึ้นรูป ซึ่งจะทำให้บริเวณที่เกิดการกระทำดังกล่าว เกิดปฎิกริยาตอบสนองกับแรงแม่เหล็กได้ แต่จะไม่แรงเท่ากับ เมื่อนำแม่เหล็กไปดูดกับสเตนเลสในตระกูล 400 ครับ สเตนเลสในตระกูลนี้ไม่สามารถทำการ Heat Treatment ได้ครับ และสเตนเลสในตระกูลนี้จะใช้ในลักษณะทั่วไปอย่างแพร่หลาย (General used) โดยมีเปอร์เซ็นต์ของคาร์บอนน้อยกว่า 0.1% และส่วนผสมของนิเกิลเข้าไปด้วย ขึ้นอยู่กับว่าเป็นสเตนเลสเกรดไหน ดังตารางด้านล้างครับ


จะเห็นได้ว่าในสเตนเลสแต่ละเกรด มีทั้งความเหมือน และความแตกต่าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ การนำไปใช้งานในสภาพแวคล้อมที่มีความแตกต่างกัน แต่จุดสำคัญของสเตนเลสตระกูล 300 ในกลุ่มนิเกิลเป็นส่วนผสมนั้น มีความสามารถในการขึ้นรูปได้ดีมาก เพราะธาตุนิเกลที่เป็นส่วนผสมอยู่นั้นจะทำให้ค่าการคืบ หรือการยืดตัวสูงกว่าสเตนเลสในตระกูล 400 ที่กล่าวกันว่ามีสเตนเลสที่อยู่ในกลุ่มที่มีความปลอดภัยด้านอาหารการกิน (food grade) ก็ต้องใช้สเตนเลสในตระกูล 300 นี้ครับ จะเห็นได้ว่าตามโรงพยาบาลต่าง ๆ จะใช้สเตนเลสเหล่านี้กันทั้งหมด รวมไปถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์อีกหลายชนิด
โดยทั่วไปสเตนเลสในกลุ่ม 300 สามารถทนต่อสภาพแวคล้อมทั่วไปได้ดี จึงเป็นที่นิยมกันมากมายที่จะนำสเตนเลสในกลุ่มนี้มาประยุกต์ใช้ในงานต่าง ๆ ไม่ว่างานใช้งานที่อยู่ภายนอกหรือภายในก็ดี แต่ในความคิดของ กนกไร้สนิม แล้ว ถ้านำสเตนเลสกลุ่ม 300 นี้ใช้เฉพาะอยู่ภายในนั้น มันจะเป็นความสูญเสียค่าใช้จ่ายโดยใช่เหตุ เปรียบเสมือน เราจะไปปากซอยหน้าหมู่บ้าน ถ้าเราใช้สเตนเลสที่ใช้งานสำหรับภายในอาคาร ก็เหมือนเราขี่จักยานไปปากซอยหน้าหมู่บ้าน แต่ถ้าใช้สเตนเลสตระกูล 300 มาใช้ ก็เปรียบสเมือนเราจ้างรถบัส มารับเราจากบ้านออกไปปากซอยหน้าหมู่บ้าน โดยไปถึงเหมือนกันแต่จะต่างกันตรงที่ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นนั่นเอง
ในกรณีที่จะใช้สเตนเลสกับงานต่าง ๆ ที่มีสภาวะความเป็นคลอไรด์สูง เช่นแถวนาเกลือ ชายทะเล ในบริเวณแหล่งอุตสาหกรรมใช้สารคลอรีนเป็นส่วนเสริมในงาน แม้กระทั่งอุปกรณ์ชิ้นส่วนในเรือเดินทะเล เรือสำราญต่าง ๆ รั้ว ระเบียง ราวกันตก และประตูที่ทำด้วยสเตนเลสนั้น เราก็ควรเลือกให้ถูกต้อง เพราะต้นทุนในการลงทุนกับงานสเตนเลสนั้นจะคุ้มค่ากับอายุการใช้งานที่ดีกว่า ซึ่งสเตนเลสในตระกูล 300 ที่มีความสามารถต้านทานต่อการกัดกร่อนในสภาพดังกล่าวก็มีให้เลือกใช้ เช่น เกรด 316, 316L โดยจะมีธาตุที่ผสมอยู่คือ ธาตุโมลิเดนั่ม 2% จะสามารถช่วยให้ลดปัญหาการผุกร่อนของสเตนเลสได้ แต่ก็จะขาดเสียไม่ได้เรื่องการดูแลรักษาที่ถูกต้อง ถึงคุณจะใช้สเตนเลสเกรดดีที่สุด แพงที่สุด แจ๋วที่สุด แต่ไม่สนใจเรื่องการดูแลรักษาที่ถูกต้องแล้วนั้น สเตนเลสที่ว่าก็สามารถเกิดสนิมให้คุณได้เชยชมแน่นอน จะเห็นได้ว่าสเตนเลสในกลุ่ม 300 หรือ ตระกูล 300 นั้นจะเรียกได้ว่าใช้ลักษณะ General Use นั่นหมายถึงคุณสามารถนำมาทำอะไรก็ได้ทั่วไป แต่ต้องคำนึงถึงเรียกต้นทุนค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้วย ลองมาดูตัวอย่างที่สเตนเลสตระกูล 300 สามารถนำมาใช้งานในปัจจุบันสัก 2-3 อย่างกันครับ


รูปที่ 11 รูปผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากสเตนเลสในกลุ่มออสเตนนิติก ตระกูล 300




ปิยณัฐ TEL 081-7787128

ออฟไลน์ TSP Car Accessories By ปิยณัฐ

  • ไมล์ 1001-2000
  • *
  • กระทู้: 1187
  • คะแนน Like 49
  • 3.0 MT
Re: สแตนเลสก็เป็นสนิม แล้วจะดูแลอย่างไร
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 23ก.ย.2012, 10:45:23 »

นอกจากที่แสดงมานั้นก็ยังมีอีกมากมาย สามารถนำสเตนเลสในตระกูล 300 ไปประยุกต์ทำออกมาได้ จึงทำให้เป็นที่นิยมกันอย่างมากในหลายสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นคนไทยเราจะคุ้นเคยกับสเตนเลสตระกูลนี้อย่างมาก เพราะจะมีการนำเข้ามาผลิตเป็นงานต่าง ๆ เพียงเกรดเดียว นั่นก็คือ สเตนเลสเกรด 304 โดยมีการสร้างกุสโลบายต่อความคิด และค่านิยมว่า “สเตนเลสไม่ใช่เหล็ก เพราะถ้าเป็นเหล็กนั้น แม่เหล็กจะต้องดูด แต่สเตนเลสไม่ใช่เหล็กจึงดูดไม่ติด” ในช่วงสมัยนั้นจึงใช้วิธีการทดสอบด้วยแม่เหล็กเป็นหลัก เวลาไปซื้อสเตนเลสตามร้านค้า อาแปะ อากง ก็เอาแม่เหล็กมาดูดให้ดูว่า “ นี่ ๆ ลื้อเห็งมั๊ย สะแตงเลทแท้นะ แม่เรกลูดม่ายติก” และก็ขายในราคาแพงมาก ๆ เสียด้วย แต่ในปัจจุบันนี้ เนื่องจากในช่วง 4 -5 ปีที่ผ่านมาราคาของแร่ธาตุนิเกิลมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยกลุ่มนักลงทุนเก็งกำไร (Head fund) มีการคาดการณ์ การสั่งซื้อล่วงหน้า ทำให้เกิดการทำกำไรอย่างมากมาย ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาธาตุนิเกิลที่เป็นส่วนผสมหลักในสเตนเลสตระกูล 300 สูงขึ้น และก็ส่งผลมายังสเตนเลสในกลุ่มนี้ ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก เรียกว่า ซื้อสเตนเลสเก็บไว้สามารถทำกำไรอย่างมหาศาลทีเดียวในช่วงเวลานั้น จึงทำให้มีการหันกลับมาผลิต และกลับมาใช้สเตนเลสในกลุ่มออสเตนนิติก เหมือนกันนั่นก็คือ สเตนเลสในตระกูล 200 หรือกลุ่ม 200 เพราะอะไรครับ ก็เพราะว่าในกลุ่มประเทศเอเซียใต้ ได้รับแนวความคิดในการใช้แม่เหล็กเป็นตัวแยกสเตนเลสออกจากเหล็กจากผู้ที่นำสเตนเลสเข้ามาในประเทศฝังลงรากลึกมาก ไม่ว่าในประเทศลาว เวียดนาม กัมพูชา พม่า ฯลฯ นั้นเวลาไปหาซื้อสเตนเลสจากโรงงานยังคงเห็นลูกค้าถือแม่เหล็กไปเดินดูดที่สเตนเลส เพื่อใช้ในการตัดสินใจ เมื่อ 6ปีทีผ่านมา ผมได้ทำงานกับบริษัทสเตนเลสของฝรั่งเศษ ในเวียดนาม เวลาลูกค้าเข้ามาในโรงงานจะสังเกตุเห็นแม่เหล็กตัวโต ดูดแรงมาก ๆ นำมาใช้เป็นตัวตัดสินใจว่าสเตนเลสนั้นดี หรือไม่ดี
ถามว่าในเมื่อสเตนเลสตระกูล 300 มีราคาแพงมาก ทำไมจะต้องเป็นสเตนเลสตระกูล 200 เท่านั้นหรือที่ถูกผลิตออกมาเป็นสินค้าทดแทน ใช้สเตนเลสตระกูล 400 ไม่ได้หรือ คำตอบก็คือ สเตนเลสตระกูล 400 แม่เหล็กดูดติด อีกทั้งการนำไปขึ้นรูปไม่ดีนัก เพราะไม่มีธาตุนิเกิลผสมอยู่เลย ทำให้การขึ้นรูปต่าง ๆ ที่มีความลึกไม่ได้มากนักจะแตกง่าย อีกทั้งการเชื่อมก็ไม่ค่อยดีนัก ทำให้เกิดการบิดงอ โก่งตัว รอยเชื่อมแตกร้าว หรือเรียกว่า “ Hot Crack” ครับ ซึ่งสเตนเลสในตระกูล 200 สามารถแก้คำตอบเชิงลบของสเตนเลสตระกูล 400ได้หมด แต่ก็ไม่สามารถสู้กับสเตนเลสตระกูล 300 ได้ในเรื่องการต้านทานการกัดกร่อนบางสภาวะสิ่งแวคล้อม
เรามาดูความแตกต่างระหว่างสเตนเลสตระกูล 200 และตระกูล 300 ว่าเป็นอย่างไร
เรามาเริ่มต้นกันที่สเตนเลสตระกูล 300 ก่อนนะครับ เพราะอะไรหรือ สเตนเลสตระกูล 300 ถูกนำเข้ามาใช้ในประเทศไทยในสมัยแรก และในอตีดถ้าพูดถึงเรื่องสเตนเลส ก็คงหนีไม่พ้นสเตนเลสตระกูลนี้ เช่น สเตนเลสเกรด 304 ที่หลายคนรู้จัก ถ้าไปถามคนที่เคยใช้สเตนเลสในอดีตมา เขาก็จะบอกกับเราว่า ใช้สเตนเลสต้องเกรด 304 เท่านั้นนะจึงจะเรียกว่าสเตนเลสแท้ แต่ในสมัยปัจจุบันนี้กับกลายเป็นว่า สเตนเลสเข้ามามากมายหลายเกรด ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกใช้แบบไหน ไม่จำเป็นว่าของไม่ดีจะไม่ทน แต่มันขึ้นอยู่กับว่า ใช้สเตนเลสนั้นได้อย่างถูกที่ถูกทาง และรู้จักสเตนเลสที่ใช้มากน้อยแค่ไหน นั่นล่ะจะเป็นตัวกำหนดว่า คุณจะใช้สเตนเลสตัวนั้นได้นานขนาดไหนครับ
สเตนเลสตระกูล 300 หรือสเตนเลสกลุ่ม 300 คืออะไร ?
อย่างที่กล่าวมาแล้วข้างต้นว่า สเตนเลสตระกูล 400 ถึงจะไม่มีธาตุนิเกิลผสมอยู่เลย นั่นก็คือสเตนเลส ด้วยองค์ประกอบอยู่ 2 ประการคือ สเตนเลสจะต้องมีปริมาณคาร์บอน ที่ผสมอยู่น้อยกว่า 0.1 % และปริมาณโครเมี่ยมที่ผสมอยู่เช่นกัน อย่างน้อย 10.5 % นั่นแหละครับ สเตนเลสในตระกูล 300 ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน จะต่างกันตรงที่ว่า สเตนเลสตระกูลนี้จะมีธาตุผสมอีกตัวหนึ่งเข้ามาเป็นตัวบ่งชี้ว่า นี่คือสเตนเลสในกลุ่ม 300 นั่นก็คือธาตุนิเกิล ตามทฤษฎีได้ระบุไว้ว่า ปริมาณนิเกิลที่ผสมอยู่นั้น จะเท่ากับ 8 % เราก็เลยเห็นว่าหลาย ๆ สินค้าที่ใช้สเตนเลสเกรดนี้ จะเขียนคำว่า 18/8 หรือ 18-8 บ้าง นั่นหมายความว่า “ 18 ” นั้นก็คือเปอร์เซ็นต์ส่วนผสมของโครเมี่ยม และ “ 8 ” ก็คือเปอร์เซ็นต์ส่วนผสมของนิเกิลนั่นเอง แต่ก็ใช่ว่าสเตนเลสตระกูลนั้จะมีตัวนี้ตัวเดียวซะที่ไหน ยังมีอีกหลาย ๆ ตัวมากมายพอจะยกตัวอย่างได้ พอสังเขปดังนี้
301, 302, 303, 304, 304L, 308, 309, 316, 316L, 317, 321 เป็นต้น แต่เป็นที่น่าสังเกตุว่าในกลุ่มที่ยกตัวอย่างมาทั้งหมดนั้นจะเห็นได้ว่า ตัวเลขตัวหน้าสุดจะใช้เลข “ 3” ขึ้นต้นทั้งนั้น ในหลักสากลจึงเรียกสเตนเลสในกลุ่มนี้ว่า สเตนเลสตระกูล 300 หรือซีรีย์ 300 ครับ เนื่องจากมีธาตุนิเกิลผสมอยู่นั้น จะทำให้สเตนเลสตัวนี้สามารถใช้กับงานขึ้นรูปได้ดี ไม่ว่าการดัด การปั๊มขึ้นรูปเป็นภาชนะชนิดต่างๆ ซึ่งมีผลมาจากค่า elongation หรือระยะคืบตัวดี จึงสามารถนำไปป๊มเป็นสิ่งของเครื่องใช้มากมาย เช่นหม้อ การะมัง แก้วสเตนเลส เป็นต้น
สเตนเลสตระกูล 300 นี้ในสมัยก่อน ๆ นี้ส่วนใหญ่มักจะใช้แม่เหล็กมาดูด เพื่อเป็นตัวทดสอบว่า “ใช่ หรือ ไม่ใช่ “ เพราะเราไม่รู้ว่าจะนำอะไรมาตรวจสอบ นอกเสียจากส่งไปห้องทดสอบ โดยใช้เครื่องมือ แต่ราคาค่าตรวจสอบก็แพงแสนแพง ทำให้ไม่คุ้มค่า เพราะฉนั้นก็เลยใช้แม่เหล้กดีกว่า หาง่าย ทดสอบง่าย รู้ผลทันที ถ้าแม่เหล็กดูดไม่ติด “ใช่เลย สเตนเลส 304” แต่ถ้าดูดติดก็สรุปว่า ไม่ใช่สเตนเลส แต่เป็นเหล็ก ก็เลยทำให้ร้านรับซื้อของเก่ารวยกันเป็นแถวไปตาม ๆ กัน คนรับซื้อของเก่าในสมัยผู้เขียนยังเป็นวัยรุ่นอยู่ จะใช้รถซาเล้งสามล้อถีบทั้งนั้น และก็เริ่มพัฒนาขึ้นมาเป็นรถกระบะในปัจจุบัน สเตนเลสตระกูล 300 นี้จะเป็นที่ยอมรับกันในวงการแพทย์ อาหารและยา ทั่วโลกจึงเรียกสเตนเลสว่าเป็น Food Grade (สเตนเลสที่ใช้ทำงานมีการสัมผัสกับอาหารการกิน) จึงไม่แปลกใจเลยว่า ภาชนะต่าง ๆ ที่มียี่ห้อดัง ๆ ไม่ว่าจะผลิตในประเทศ หรือนำเข้ามาจึงมีราคาค่อนข้างจะแพง แต่จะต่างกันกับภาชนะที่นำเข้ามาจากประเทศ จีน และอินเดีย เมื่อเทียบขนาดและราคา ทำไมจึงต่างกันเช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่เป็นสเตนเลสเหมือน ๆ กัน ถ้าเราสังเกตุว่าอุปกรณ์ภาชนะต่าง ๆ ในโรงพยาบาลนั้น จะใช้สเตนเลสเกรดนี้ทั้งนั้น
ทำไมสเตนเลสตระกูลนี้จึงแพง เป็นเพราะอะไร?
สาเหตุที่สเตนเลสตระกูลนี้มีราคาแพงว่า สเตนเลสตระกูล 400 นั้นเนื่องมาจากผลกระทบโดยตรงจากราคาธาตุนิเกิลเป็นหลัก ส่วนรองนั้นจะมาจากการเก็งกำไรของกลุ่มการซื้อขายธาตุนิเกิลล่วงหน้า ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ส่วนอีกตัวหนึ่งอาจจะเป็นผลกระทบเหมือนกัน แต่น้อยมากก็คือ การขาดแคลนสินค้า และการกักตุน เพื่อเก็งกำไรนั่นเอง ทำให้เมื่อหลายปีก่อน ในขณะทุกคนรู้จักและคุ้นเคยกับสเตนเลสตระกูลนี้ ต้องซื้อสเตนเลสนี้ในราคาที่แพง ถึงขั้นที่มีคนพูดว่า “ซื้อท่อสเตนเลสเก็บไว้ ดีกว่าเก็บทองคำเสียอีก” เพราะราคาปรับตัวขึ้นเป็นรายวันเลยทีเดียว
สเตนเลสตระกูล 300 แม่เหล็กดูดไม่ติดจริงหรือ ?
ถ้าทดสอบแบบเผิน ๆ แล้วจะรู้สึกว่าสเตนเลสตระกูล 300 นั้น จะไม่มีผลต่อการดูดติดของแม่เหล็กเลย บางคนนำแม่เหล็กก้อนโต แรงดูดสูง ๆ มาทดสอบก็ดูดไม่ติดก็เลยมั่นใจว่า ต้องเป็นสเตนเลสแท้ (บางคนเรียกว่า แท้ กับ ปลอม) แน่นอน แต่ในความเป็นจริงนั้นสเตนเลสตระกูลนี้ ถ้าเราลองตัด พับ ดัด ปั๊มขึ้นรูป รวมไปถึงการเชื่อมต่อ เราจะเห็นได้ว่าจะมีแรงดูดติด เมื่อนำแม่เหล็กมาทดสอบ แต่ก็มีอีกหลาย ๆ คนทดสอบมาแล้ว ก็บอกว่าไม่ติดแน่นอน ผู้เขียนก็ขอแนะนำให้ใช้แม่เหล็กตัวเล็ก ๆ แรงดูดไม่มาก เบา ๆ ลองมาทดสอบดูว่า ดูดติดหรือไม่ การที่ใช้แม่เหล็กชิ้นใหญ่ ๆ มาดูด เพื่อตรวจสอบว่าเป็นสเตนเลสตระกูล 300 นั้น จะใช้ได้เพียงชี้บ่ง และแยกเกรดระหว่างสเตนเลสที่มีผลต่อการดูดติดได้ดี เช่นในสเตนเลสตระกูล 400 ตัวอย่างเช่น เกรด 430, 439 , 409, 420 เป็นต้น เพราะสเตนเลสในกลุ่มเหล่านี้ จะไม่มีธาตุบางธาตุผสมอยู่ เช่น ในตระกูล 300 จะมีธาตุนิเกิล ผสมอยู่และในตระกูล 200 จะมีธาตุแมงกานิส ที่นำมาผสมลงไปเพื่อลดปริมาณของธาตุนิเกิลลงนั่นเอง
ในโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นของภาครัฐหรือ ภาคเอกชน อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานการพยาบาลและรักษา เช่นอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ ในห้องผ่าตัด โต๊ะ เตียงคนไข้ จาน ชาม กระป๋อง ราวจับ ราวพยุง ตระกร้าใส่ผ้า ตลอดจนรถเข็นต่าง ๆ จะใช้สเตนเลสตระกูล 300 เป็นหลัก ด้วยเหตุผลที่ว่ามีความปลอดภัยที่สุด และทนทาน ในโรงพยาบาลจะใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ น้ำยาทำความสะอาดพื้นต่าง ๆ ซึ่งจะมีผลต่อสเตนเลส ถ้าเป็นสเตนเลสในตระกูลที่รอง ๆ ลงมาเช่นตระกูล 200 นั้น การใช้งานอาจจะใช้ได้ แต่ความคงทน ทนทานนั้นอาจจะเป็นปัญหา ไม่ว่าในเรื่องของการใช้งาน และการบำรุงรักษา ถ้าเราไปโรงพยาบาลให้ลองสังเกตุที่รถเข็น เตียงเข็น ตู้สเตนเลสที่มีล้อสำหรับลากเคลื่อนย้ายได้ เราจะเห็นว่าเจ้าล้อนั้นจะเป็นสนิมแล้ว ซึ่งตัวโครงหลักยังดูสวยงามอยู่เลย ในบางอุปกรณ์ก็เลยต้องใช้ล้อแบบพลาสติก (PU หรือ PE) เสียเลย เพราะจะได้ดูแล้วมีความเป็รมาตราฐาน ในเรื่องความสะอาดที่ดี
ในโรงงานแปรรูปอาหาร เช่นโรงงานอาหารทะเล โรงงานผลิตนม และในสายงานผลิตยาแผนปัจจุบันนั้น ก็จำเป็นต้องใช้สเตนเลสในตระกูล 300 นี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าความจำเป็นที่จะต้องให้อาหารนั้นสัมผัสเป็นอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น ในโรงงานอาหารทะเลสดแช่แข็ง หรืออาหารทะเลกระป๋องสำเร็จรูป ซึ่งอาหารจำพวกนี้ได้มาจากทะเล จึงมีความเค็ม ซึ่งมีผลต้องการผุกร่อนกับสเตนเลสบางตัว เขาจึงเลือกที่จะใช้ สเตนเลสเกรด 316 หรือ 316L เพื่อที่จะให้สามารถทนทานต่อความเค็ม หรือเกลือที่ติดมากับอาหาร เพราะสเตนเลสเกรด 316 และ 316L นั้นจะมีธาตุที่ผสมอยู่ก็คือ ธาตุโมลิเดนั่ม อยู่ประมาณ 2% ซึ่งจะสามารถทนต่อสภาวะคลอไลด์ได้
แต่ถ้าเป็นสารเคมีชนิดต่าง ๆ สเตนเลสตระกูล 300 ก็สามารถที่จะใช้ได้ แต่จะต้องแยกแยะออกไปนะครับว่า ตัวใดบ้างทนต่อสารเคมีได้ โดยผมจะมีตาราง A แนบท้ายมาให้ ทำให้เราสามารถลดปัญหาและง่ายต่อการที่จะเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม
คราวนี้ลองมาดูความแตกต่างของสเตนเลสตระกูล 300 ที่เราสามารถพบเห็น และใช้งานอยู่ในปัจจุบันว่า มีข้อสังเกตุ มีความเหมือน ความแตกต่างกันตรงไหนบ้าง เช่น 304, 304L, 316, 316L
สเตนเลสเกรด 304 จะใช้ในงานได้ทั่วไป ไม่ว่างานตกแต่ง งานก่อสร้าง วัสดุอุปกรณ์ในโรงงานอุตสาหกรรม เครื่องใช้ไม้สอยในครัวเรือน
สเตนเลสเกรด 304L จะใช้ในงานอุตสาหกรรมที่ต้องมีการเชื่อม ประสานเช่นท่อแรงดัน ท่อส่งแก๊ส ท่อส่งน้ำมัน โรงงานผลิตน้ำตาล ท่อคอนเด็นเซอร์ ฮีทเอ๊กซ์เชนเจอร์ และท่อลำเลียงต่าง ๆ ในงานปิโตรเคมีคอล เพราะต้องการควบคุมงานเชื่อมให้มีคุณภาพ ปราศจากรอยตามดตามรอยแนวเชื่อม ทำให้รอยต่อเชื่อมแข็งแรง และมีความปลอดภัย เป็นต้น
สเตนเลสเกรด 316 จะใช้ในงานผลิตอาหาร เช่นงานตกแต่งสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน โรงงานสัปปะรด โรงงานอาหารทะเล โรงงานผลิตยาเวชภัณฑ์ โรงงานผลิตน้ำนมและอาหารเสริมต่าง ๆ
สเตนเลสเกรด 316L จะใช้ในงานที่ต้องมีการเชื่อมต่อ และมีความทนทานต่อสภาวะคลอไลด์ เช่นท่อส่งแก๊ส น้ำมันใต้ทะเล เป็นต้น
ในสเตนเลสตระกูล 304 นี้ ยังมีอีกมากมาย ไม่เฉพาะที่กล่าวมาข้างบน ซึ่งจะแบ่งซอยออกมาอีกมาก จะขอยกตัวอย่างมากสัก 1-2 เกรดดังนี้
สเตนเลส เกรด 301 ซึ่งเป็นสเตนเลสในกลุ่มออสเตนนิตริกเช่นกัน สเตนเลสตัวเป็นสเตนเลสที่มีปริมาณธาตุนิเกิลผสมอยู่ในเนื้อ เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จะอยู่ที่ 6-8% ซึ่งเป็นช่วงที่สามารถเติมส่วนผสมได้ ต่ำสุดที่ 6 % และสูงสุดไม่เกิน 8% ส่วนความแตกต่างนั้นจะต้องสังเกตุกันที่ปริมาณส่วนผสมของธาตุคาร์บอน และธาตุแมงกานิส ซึ่งคาร์บอนจะอยู่ที่ 0.15% แมงกานิสจะอยู่ที่ 2% นี่คือสาเหตุหนึ่งที่สเตนเลสเกรดนี้ เมื่อนำไปดัด ปั๊มขึ้นรูป จะมีความแข็งมากกว่าสเตนเลสเกรด 304 และ 316 นั่นเอง โรงงานที่ผลิตท่อสเตนเลสเกรด 301 นี้จะเห็นได้ว่าลูกโมลที่ใช้จะมีการสึกหรอเร็วกว่าปกติ ส่วนการนำไปพับก็จะยากกว่าสเตนเลสเกรด 304 ด้วย นอกจากนั้นสเตนเลสเกรด 301 ก็ยังแบ่งแยกตามส่วนผสมอื่นอีก เช่น
เกรด 301L ก็จะลดปริมาณคาร์บอนลง จาก 0.15% ลงไปที่ 0.03 % นั่นเอง ซึ่งจะเป็นตัวลดการแตกตัวของโครเมี่ยมคาร์ไบร์ รอบ ๆ แนวเชื่อมซึ่งเป็นปัญหาเรื่องของการแตกร้าว (Crack) ของรอยเชื่อม อีกทั้งเป็นการลดรอยตามดตามแนวของรอยเชื่อมด้วย บางท่านอาจจะพบเห็นอีกตัวหนึ่งในกลุ่มสเตนเลส เกรด 301 ก็คือ
เกรด 301LN ความหมายก็คือ L เท่ากับ คาร์บอนต่ำ อยู่ที่ 0.03% (0.3% Low carbon) ส่วน N เท่ากับการเติมปริมาณก๊าซไนโตรเจนพิ่มขึ้น ปกติจะอยู่ที่สูงสุด 10% โดยจะเพิ่มเป็นสูงสุด 20% และต่ำสุด 10% นั่นเองครับ
ลองมาดูตารางการเปรียบเทียบทั้งสองตัวกันว่ามีความเหมือนและความแตกต่างกันอย่างไร




Chemical Composition Specification (%)
Grade C Mn Si P S Cr Mo Ni N
เกรด C Mn Si P S Cr Mo Ni N
301 Min. - - - - - 16.0 - 6.0 -
ASTM A666 Max. 0.15 2.0 1.0 0.045 0.030 18.0 - 8.0 0.10
301L Min - - - - - 16.0 - 6.0 -
JIS G4305 Max. 0.03 2.0 1.0 0.045 0.030 18.0 - 8.0 0.20
301LN Min. - - - - - 16.5 - 6.0 0.10
EN 10088-2 Max. 0.03 2.0 1.0 0.045 0.015 18.5 - 8.0 0.20
****ที่มา Atlas Specialty Metals (www.atlasmetals.co.au)

การเชื่อมสเตนเลสเกรด 301
ความสามารถในการเชื่อมสเตนเลสเกรดนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี โดยการเชื่อมให้ใช้มาตราฐานการเชื่อมโดยทั่ว ๆ ไป ในการเติมลวดในรอยเชื่อมควรจะใช้ลวดป้อนสเตนเลสเกรด 308L และถ้าจะดีให้มีการอบรอยเชื่อมจะทำให้การป้องกันการผุกร่อนทำงานได้สูงสุด ยกเว้นแต่ตัว 301L และ 301LN ไม่มีความจำเป็นต้องอบรอยเชื่อม
ตัวต่อไปอยู่ในตระกูล 300 เช่นกันแต่จะมีความแตกต่างกันใน ธาตุที่ผสมเพื่อประโยชน์ในการนำไปใช้งานในแต่ละลักษณะ ไปดูกันครับ
สเตนเลสเกรด 321 จะเป็นสเตนเลสในกลุ่มออสเตนเนติก เหมือนกันกับสเตนเลสเกรด 304 แต่จะมีการเติมธาตุไททาเนี่ยม (Ti) ผสมลงไปในเนื้อสเตนเลส ในปริมาณ 5 เท่า ของเปอร์เซ็นส่วนผสมของคาร์บอนที่ผสมอยู่ เจ้าไททาเนี่ยมที่ผสมอยู่ในสเตนเลสเกรดนี้จะช่วยลด และช่วยป้องกันการเกิด โคเมี่ยมคาร์ไบด์ ในช่วงขบวนการเชื่อม ซึ่งจะเกิดในช่วงอุณหภูมิ 800 -1500 º F หรือ 427 -816 º C โดยเฉพาะอัลลอยล์ นั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติ เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น
สเตนเลสเกรดนี้ ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อรองรับกับการป้องกันทำปฏิกิริยา หรือการผุกร่อน อย่างยอดเยี่ยม ผลิตภัณฑ์ที่จะนำสเตนเลสเกรดนี้ไปใช้ ประการแรกก็คือ อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานอย่างต่อเนื่อง หรือถูกใช้กับผลิตภัณฑ์ ที่ทำงานเป็นบางครั้งบางคราวในช่วงอุณหภูมิ 800 – 1500 º F หรือ 427 – 816 º C ซึ่งเป็นช่วงของการเกิดโครเมี่ยมคาร์ไบด์นั่นเอง
อุปกรณ์ที่ถูกนำไปใช้จะรวมไปถึงงานที่ใช้มีความร้อนสูง ๆ ,เครื่องยนต์ดีเซล , ระบบท่อไอเสียของรถยนต์ที่ทำงานหนัก (เครื่องจักรกลหนัก) ,ผนังป้องกันไฟ , กระบอกสูบ , ตัวบอดี้ของระบบหม้อน้ำขนาดใหญ่ ,ชิ้นส่วนเครื่องบิน แม้กระทั่งอุปกรณ์หลาย ๆ ชนิดของโรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิง
ลองมาดูส่วนผสมของเจ้าสเตนเลสเกรด 321 กันบ้างว่าเป็นอย่างไร
คาร์บอน 0.08 Max
แมงกานิส 2.0 Max
ฟอสฟอรัส 0.045 Max
ซัลเฟอร์ 0.030 Max
ซิลิกอน 0.75 Max
โครเมี่ยม 17.0 – 19.0
นิกเกิล 9.0 – 12.0
ไททาเนี่ยม 5 x (คาร์บอน + ไนโตรเจน) Min, 0.70 Max
ไนโตรเจน 0.10 Max
สเตนเลสเกรด 321 จะมีความสามารถอย่างเยี่ยมยอดมองเห็นได้จากงานเกี่ยวกับสารเคมีชีวภาพ, งานเกี่ยวกับโรงงานสีสำหรับย้อมผ้า และยังสามารถรองรับงานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีที่ไม่ใช่ชีวภาพ หลายๆ ตัวได้ด้วย และสเตนเลสเกรดนี้ยังสามารถต้านทานกับเจ้ากรดไนตริกเป็นอย่างดี และกรดซัลเฟอร์ที่มีการกัดกร่อนไม่รุนแรงมากนัก อย่างอย่างหนึ่งที่ต้องระวังคือ สเตนเลสเกรดนี้ไม่สามารถชุบแข็งได้ ในขบวนการอบทางความร้อน
นั่นเป็นรายละเอียดที่ได้นำมาให้ท่านที่แสวงหาความรู้ได้อ่านกันไว้ครับ เผื่อจะมีประโยชน์ต่อไปในอนาคตข้าวหน้า
คราวนี้เรามาดูสเตนเลสในกลุ่มต่อไป ที่เรียกว่ากลุ่มดูแพ็ค (Duplex Stainless Steel)
สเตนเลสกลุ่มดูแพ็คนี้ ยังไม่สามารถผลิตขึ้นได้ในประเทศไทย แต่จะได้จากการนำเข้ามาเป็นวัตถุดิบบ้าง บ้างก็เป็นแบบ Trun key คือเรียกว่านำเข้ามาเป็นชิ้นงานหรือชิ้นส่วนของอุปกรณ์เลย สเตนเลสเกรดนี้ในความเป็นจริงแล้ว เป็นการนำข้อดีต่าง ๆ ในสเตนเลส 2 เกรด มารวมกัน เพื่อให้สามารถใช้ได้กับงานตามที่ต้องการ กล่าวคือ เป็นการผสมสเตนเลส 2 ตัว โดยปริมาณการผสมอยู่ที่ 50% ต่อ 50% ของสเตนเลสกลุ่มเฟอร์ริตริก และกลุ่มออสเตนเนตริก ครับ ส่วนการนำไปใช้งานส่วนใหญ่จะเป็นในส่วนของงานโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรง การต้านทานการผุกร่อน ตัวอย่างเช่นโครงสร้างของฐานขุดเจาะน้ำมันในทะเล ฯลฯ.
สเตนเลสตระกูล ดูเพล็กซ์ จะสังเกตุง่าย ๆ โดยการดูโค๊ดตัวอักษรจะเป็นตัวเลข 4 ตัว เช่น 2205 เป็นต้น ปริมาณธาตุโครเมี่ยมที่ผสมอยู่ในสเตนเลสกลุ่มนี้ จะอยู่ประมาณ 20-25% และปริมาณส่วนผสมของธาตุนิเกิล จะอยู่ที่ 4-7% ตัวอย่างเช่น
Duplex 2205 คาร์บอน 0.03 % โมลิเดนั่ม 3%
โครเมี่ยม 22% ไนโตรเจน 0.15%
นิเกิล 5% เป็นต้น
สเตนเลสตระกูล พรีซิพิเตชันฮาร์ดเดนนิ่ง (Precipitation Hardening Stainless Steel)
สเตนเลสกลุ่มนี้จะใช้วิธีการตกผลึกด้วยความร้อน เพื่อที่จะทำให้สามารถปรับปรุงเรื่อง ความแข็งแรง (Strength) และ ความเหนียว (Ductility) สเตนเลส ในกลุ่มหรือตระกูลนี้ สังเกตง่าย ๆ จากโค๊ดตัวอักษรที่เขียนไว้จะลงท้ายด้วยคำว่า PH นั่นหมายถึง P = Precipitation , H= Hardening นั่นเอง เช่น 15-5 PH, 17-4 PH (S17400) , 17-7 PH, PH13-9 Mo หรือถ้าใช้เป็นแบบ AISI ก็จะขึ้นต้นด้วยเลข 6 เช่น Aisi 630 เป็นต้น
Precipitation Hardening Stainless Steels นี้จะมีส่วนผสมของโครเมียม-นิกเกิล เป็นหลัก และมีธาตุอื่นๆผสมอยู่ด้วย เช่น อะลูมิเนียม ทองแดง ไทเทเนียม และไนโอเบียม เป็นกลุ่มซึ่งสามารถนํามา บ่มแข็ง( precipitation hardening) ได้ หลังจากการบ่มแข็งแล้ว จะทำให้เหล็กมีโครงสร้างหลักเป็น martensite โดยจะมีการการตกผลึก (precipitation) ของสารประกอบระหว่างโลหะในเนื้อเหล็กซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างการบ่มแข็ง คุณสมบัติเด่นของเหล็กกลุ่มนี้ คือ ถ้าเผาให้อุณหภูมิสูงขึ้น เหล็กจะไม่แข็ง แต่เหนียวมาก ทำให้สามารถแปรรูปทางกลได้ง่าย เหมาะสำหรับใช้ทำแกนปั๊ม หัววาล์ว และส่วนประกอบของท่าอากาศยานในส่วนของตัวเครื่องกังหันเจ๊ท (Jet turbine) สเตนเลสกลุ่มนี้จะมีคุณสมบัติพร้อม ทั้ง fabricability, strength, heat treatment, และ corrosion resistance เหนือกว่าเหล็กทั้ง 3 ประเภทหลักใหญ่ๆที่กล่าวมาแล้ว โดยจะมีความแข็งแรงสูงมากและเป็นกลุ่มที่มีความแข็งแรงสูงที่สุดในบรรดา สเตนเลสด้วยกัน
ถึงตอนนี้ผมคิดว่าทุกคนที่อ่านข้อมูลทั้งหมดมา ก็จะเข้าใจว่าสเตนเลสนั้นมาจากไหน ป้องกันสนิมได้อย่างไร รวมไปถึงชนิดของเกรดสเตนเลสแต่ละตัว เพื่อที่จะใช้งานตามความต้องการ โดยคำนึงถึงราคาและ สิ่งแวคล้อมที่จะนำไปใช้งาน ไม่จำเป็นเลยว่าสเตนเลสที่แพงที่สุดจะใช้งานได้นานที่สุด ทนที่สุด สวยที่สุด แต่จะขึ้นอยู่กับว่า จะใช้อย่างไรที่จะคุ้มค่าและประหยัดที่สุดในงานนั้น ๆ กับสเตนเลสเกรดที่เหมาะสมที่สุด ทำให้การใช้งานยาวนาน รวมไปถึงการดูแลรักษาสเตนเลส ที่จะไม่เป็นภาระกับกับผู้ที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์นั้น
และสิ่งที่สำคัญก็คือ
“สเตนเลสก็เป็นสนิมได้ ถ้าไม่เข้าใจ ใช้ไม่เป็น”
“สเตนเลสแม่เหล็กดูดติดก็ไม่ใช่ไม่ดีสเมอไป”
“ถ้าเป็นสเตนเลสแล้วไม่มีของปลอม ของเทียม เพียงแต่จะเป็นเกรดไหนของสเตนเลส”
“สเตนเลสเกรดต่ำก็ไม่ใช่ ไม่ดีเสมอไป ขึ้นอยู่กับว่านำไปใช้ถูกต้องหรือไม่ รู้จักเขาแค่ไหน”
“ช่างสเตนเลสทุกคน ก็ไม่ใช่เข้าใจสเตนเลสทั้งหมด ก่อนที่จะสั่งงานสเตนเลส ต้องศึกษาหาข้อมูลก่อน เพื่อลดปัญหาที่จะเกิดขึ้น”
“สเตนเลสไม่ใช่ โลหะที่ไม่ต้องการดูแลรักษา แต่ควรมั่นดูแลทำความสะอาด เพื่อจะได้ใช้งานได้คุ้มค่า กับเงินที่เสียไป”
“การเชื่อในการแนะนำเกี่ยวกับสเตนเลส ต้องมั่นใจว่าเขาเข้าใจในสเตนเลสจริง ๆ “
“สเตนเลสเกิดสนิมได้ มาจาก 3 กรณี คือ เกิดจากตัวสเตนเลสเอง , เกิดจากขบวนการผลิตชิ้นงาน (ช่าง) และ เกิดจากผู้ใช้ ไม่เข้าใจสเตนเลสเพียงพอ”
ประโยคที่กล่าวมานั้น จะทำให้ท่านผู้อ่านและติดตาม ได้เกิดดวามเข้าใจ และกลายเป็นผู้รู้ จนกระทั่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสเตนเลส ระดับมือพระกาฬทีเดียวครับ ในหัวเรื่องต่อไปนั้นเราจะมาทำความรู้จักกับสนิมของสเตนเลส หรือการผุกร่อนของสเตนเลสกับว่า มีกี่แบบ ในแต่ละแบบจะสังเกตอย่างไร เกิดขึ้นจากอย่างไร เกิดจากใคร จะป้องกันไม่ให้เกิด หรือถ้าเกิดแล้วเกิดน้อยสุดได้อย่างไร

ส่วนที่ 2 “การผุกร่อนของสเตนเลส (Stainless steel corrosion)
การเกิดการกัดกร่อนของสเตนเลสนั้น ถ้าจะแยกออกมาใหญ่ ๆ แล้วสามารถแบ่งออกมาเป็นของแบบ คือ

1. การกัดกร่อนแบบทั่ว ๆ ไป (General stainless steel corrosion)
เป็นการกัดกร่อนที่เกิดขึ้นตลอดทั่วผิวหน้า (Uniform attack) การกัดกร่อนแบบนี้มีอันตรายน้อยเพราะว่าสามารถวัด และทำนายการกัดกร่อนที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้าได้ การกัดกร่อนแบบนี้จะเกิดขึ้นกับสเตนเลสในสิ่งที่แวดล้อมที่มีผลต่อการกัดกร่อนในอัตราที่ต่ำมาก
: “จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี”

2. การกัดกร่อนแบบเฉพาะ (Specific stainless steel corrosion)
• การกัดกร่อนเนื่องจากความต่างศักย์ไฟฟ้า (Galvanic corrosion = แกลวานิค คลอโรชั่น))
เป็นการกัดกร่อนที่เกิดจากโลหะ 2 ชนิดที่มีศักย์ทางไฟฟ้าแตกต่างกันมาอยู่ติดกัน คือระหว่างเหล็กกับสเตนเลส ซึ่งสเตนเลสจะมีศักย์ไฟฟ้าสถิตที่สูงกว่าเหล็ก จะส่งผลทำให้เหล็กนั้นเกิดการกัดกร่อน หรือสนิมขึ้นเร็วกว่าปกติ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีราวตากผ้าที่เป็นสเตนเลส แล้วคุณนำไม้แขวนเสื้อที่เป็นเหล็กมาแขวน ก็จะส่งผลให้ไม้แขวนเสื้อเกิดสนิมขึ้น หรือโครงสเตนเลสที่ยึดตามรถกระบะ และมีการยึดด้วยโบลท์ระหว่างสเตนเลสกับตัวรถ จะเห็นว่าจะเกิดสนิมขึ้นตามรูปที่ 14
นอกเหนือจากการยึดด้วยโบลท์ น๊อตที่เป็นเหล็กแล้ว กรณีที่ต้องมีการเชื่อมต่อโดยการเชื่อมอย่างถาวรระหว่างเหล็กกับสเตนเลสนั้น สามารถทำได้แต่ต้องป้อกันกัลป์วานิค คลอโรชั่นไว้ก่อน โดยการใช้ลวดเชื่อมสเตนเลส เกรด 309 เชื่อมลงบนผิวเหล็กแบบ “ทาเนย” (battering) เสียก่อน คือการเปลี่ยนคุณสมบัติของผิวเหล็กที่จะใช้สเตนเลสเชื่อมต่อ ให้เป็นสเตนเลสอ่อน ๆ เสียก่อน เปรียบเสมือนน้ำจืดในแม่น้ำพบกับน้ำเค็มในทะเล จะมีน้ำกร่อยเป็นตัวที่อยู่ระหว่างกลาง ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการกัดกร่อนแบบกัลป์วานิค หรือไฟฟ้าสถิตย์ให้มีปัณหาน้อยลง





รูปที่ 14 การกัดกร่อนแบบการถ่ายเทศักย์ไฟฟ้าสถิตย์ หรือแกลวานิล


วิธีการแก้ไขปัญหาการกัดกร่อนชนิดแกลวานิค
1. หลีกเลี่ยงการใช้ น๊อต สกรูเหล็กในการขัน ยึด ดึง งานสเตนเลส
2. ห้ามใช้ใบเจียรงานเหล็กมาใช้กับงานสเตนเลส
3. อย่าวางชิ้นงานสเตนเลสในบริเวณพื้นที่ที่มีการทำงานของเหล็ก เช่นการตัด การเจียร การเจาะต่างๆ
4. ถ้ามีความจำเป็นตัวใช้ น๊อต สกรูเหล็กร่วมกับสเตนเลส ควรจะมีแผ่นกั้นไม่ให้ส่วนที่เป็นเหล็กสัมผัสกับสเตนเลส

ปิยณัฐ TEL 081-7787128

ออฟไลน์ pra

  • ไมล์ 601-1000
  • *
  • กระทู้: 883
  • คะแนน Like 29
Re: สแตนเลสก็เป็นสนิม แล้วจะดูแลอย่างไร
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 23ก.ย.2012, 13:16:16 »
ขอบคุณครับ ต้องค่อยๆ อ่าน emo35

ออฟไลน์ TSP Car Accessories By ปิยณัฐ

  • ไมล์ 1001-2000
  • *
  • กระทู้: 1187
  • คะแนน Like 49
  • 3.0 MT
Re: สแตนเลสก็เป็นสนิม แล้วจะดูแลอย่างไร
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 23ก.ย.2012, 20:05:01 »
ขอบคุณครับ ต้องค่อยๆ อ่าน emo35

ครับน้า

ปิยณัฐ TEL 081-7787128

ออฟไลน์ ดำดอทคอม

  • ไมล์ 1001-2000
  • *
  • กระทู้: 1111
  • คะแนน Like 42
  • NDC.514 เจ้าดำดอทคอม@ ระยอง ครับ
Re: สแตนเลสก็เป็นสนิม แล้วจะดูแลอย่างไร
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 23ก.ย.2012, 20:12:00 »
 emo31 emo31

ออฟไลน์ TSP Car Accessories By ปิยณัฐ

  • ไมล์ 1001-2000
  • *
  • กระทู้: 1187
  • คะแนน Like 49
  • 3.0 MT
Re: สแตนเลสก็เป็นสนิม แล้วจะดูแลอย่างไร
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 23ก.ย.2012, 21:27:46 »
emo31 emo31

ค่อยๆอ่านไปนะครับน้า เยอะนิดนึงครับ แต่อ่านเข้าใจง่ายมากๆครับ

ปิยณัฐ TEL 081-7787128

ออฟไลน์ O-Zone

  • ไมล์ 2001-3000
  • *
  • กระทู้: 2536
  • คะแนน Like 115
  • Hi-Lander 4D 3.0VGS Z-Prestige Navi Auto Black
  • จังหวัด: สมุทรปราการ
  • ชื่อเล่น: เอ็ม
Re: สแตนเลสก็เป็นสนิม แล้วจะดูแลอย่างไร
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: 23ก.ย.2012, 21:44:37 »
 emo31 emo31 ยังอ่านไม่จบแต่ก็ขอบคุณคับ emo64
ก็แค่...รถขนผัก NDC. 1389



เพราะสังคม...ประเมินค่า...ที่จน-รวย
คนจึงสร้าง...เปลือกสวย...ไว้สวมใส่
หากสังคม...วัดค่า...ที่ภายใน
คนจะสร้าง....แต่จิตใจ...ที่ใฝ่ดี

ออฟไลน์ Panak_K

  • ไมล์ 6001-7000
  • *
  • กระทู้: 6715
  • คะแนน Like 251
  • อายุเป็นเพียงตัวเลข ถ้าไม่ตายก็หาใหม่ได้
Re: สแตนเลสก็เป็นสนิม แล้วจะดูแลอย่างไร
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: 23ก.ย.2012, 21:51:55 »
 emo54
แปะไว้ก่อน เดี๋ยวมีเวลาว่างเยอะๆ จะกลับมาอ่านครับ
สถานะ : Hi-Lander 4D 3.0 VGS Z-Prestige M/T เงินอาร์กติก

ออฟไลน์ YOTEWARIT

  • NDC. Staff Team
  • ไมล์ 8001-9000
  • *
  • กระทู้: 8381
  • คะแนน Like 366
  • มิตรภาพไม่มีวันจาง NDC : 555
  • จังหวัด: ชลบุรี
  • ชื่อเล่น: ยศ
Re: สแตนเลสก็เป็นสนิม แล้วจะดูแลอย่างไร
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: 23ก.ย.2012, 22:02:21 »
 emo64 emo64 emo64

ออฟไลน์ อนนต์ ว.

  • ไมล์ 2001-3000
  • *
  • กระทู้: 2251
  • คะแนน Like 67
  • NDC.141 , VIP.1166
  • จังหวัด: ราชบุรี
  • ชื่อเล่น: "นน" คร้าบ
Re: สแตนเลสก็เป็นสนิม แล้วจะดูแลอย่างไร
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: 24ก.ย.2012, 09:41:53 »
ละเอียดมากครับ เหมือนทำProjectไรสักอย่างเลย อ่านกันตาเหล่เลย อิๆ

ขอบคุณครับผม สำหรับข้อมูลดีๆครับ

ออฟไลน์ TSP Car Accessories By ปิยณัฐ

  • ไมล์ 1001-2000
  • *
  • กระทู้: 1187
  • คะแนน Like 49
  • 3.0 MT
Re: สแตนเลสก็เป็นสนิม แล้วจะดูแลอย่างไร
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: 25ก.ย.2012, 22:30:02 »
ขอบคุณทุกคำขอบคุณนะครับน้าๆ

ปิยณัฐ TEL 081-7787128

ออฟไลน์ ciriw。✥กระสุนดำ✥

  • ไมล์ 2001-3000
  • *
  • กระทู้: 2140
  • คะแนน Like 65
  • ☀ คน มี เคาะ ☀
Re: สแตนเลสก็เป็นสนิม แล้วจะดูแลอย่างไร
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: 26ก.ย.2012, 06:41:34 »
ถ้าอ่านจบไปทำงานสายแน่  emo31 emo31 emo31
        ☢NDC.834☢

ออฟไลน์ Arroonyoyo

  • ไมล์ 301-600
  • *
  • กระทู้: 379
  • คะแนน Like 11
Re: สแตนเลสก็เป็นสนิม แล้วจะดูแลอย่างไร
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: 26ก.ย.2012, 06:54:16 »
ได้ความรู้บ้างนิดหน่อย เพราะได้อ่านนิดเดียว