ไม่ได้อุด egr ตอนนี้ 120000 โล dmax ปี 2005 2.5 ddi egr พังแล้วครับล้างไม่ได้

[Dr.who]

EGR ปกติก็มีอายุราว แสนสองถึงแสนห้าอยู่แล้วครับ เปลี่ยนอย่างเดียวล้างไม่ได้ ถ้าไปอุดไอ้เจ้านี่ก็ไม่ได้ใช้งานก็ไม่พังครับ  ส่วนข้อดีข้อเสียอยู่ที่วิจารณญาณของท่านเองครับ แต่ส่วนตัวผมไม่อุด

ส่วนตัวผมก็ไม่ได้อุดนะครับ เพราะไม่ได้ใช้งานรถหนักและไม่ได้วิ่งระยะทางไกล ไม่ได้ใช้ความเร็ว เน้นประหยัดมากกว่าเลยไม่ได้อุดครับ แต่เริ่มสงสัยข้อความของน้าครับตรงที่บอกว่า "ปกติก็มีอายุราว แสนสองถึงแสนห้าอยู่แล้วครับ ถ้าไปอุดไอ้เจ้านี่ก็ไม่ได้ใช้ใช้งานก็ไม่พังครับ" สรุปคือถ้าเราไปอุด egr ก็แสดงว่าไม่ได้ใช้งาน ก็ไม่พังใช่ไหมครับ ถึงจะครบอายุของมันที่ 120000-150000 แต่ถ้าเราอุดไปแล้วก้ไม่พังก็ยังดีอยู่ใช่ไหมครับ แสดงว่าอุดดีกว่าซิครับ เพราะไม่ต้องเปลื่ยน egr เลยอยากได้คำแนะนำของน้าว่าทำไมถึงไม่อุดละครับ เพื่อผมจะได้เป็นแนวทางมั่นใจยิ่งขึ้นว่าไม่อุดครับ

ด้วยความเคารพครับไม่ได้สนับสนุนให้อุดหรือไม่อุดนะครับ  คุณไปอุดมันมันก็ไม่พังมันก็ดีแน่นอนอยู่แล้วครับ ส่วนตัวผมที่ไม่อุดเพราะไม่อยากไปทำอะไรกับเครื่องครับ ส่วนมันจะพังก็ตามอายุก็เรื่องของมันพังก็เปลี่ยน รถเก่าผมแพลตตินั่ม เครื่อง 3ooo VGS ก็ไม่ได้ไปอุด ใช้มาเกือบสองแสนโล  (ซึ่งมันน่าจะพังตังแต่ แสนสองหมื่นโล ) ก็ยังไม่เป็นอะไร เช็คปั๊มหัวฉีดไปก็ปกติดี แล้วก็ท่อร่วมก็ไม่ได้มีคราบหนาแฉะขนาดในรูป มันก็ดำปื้นๆ ปกติเหมือน TFR ตัวดึกดำบรรพ์ทั่วไปส่วนตัวผมก็เลยคิดว่าไม่จำเป็นต้องอุดก็เลยไม่ไปยุ่งกับมัน
   ผมว่ามันก็เหมือนเบรคเหมือนครัชน่ะ หมดก็ต้องเปลี่ยน เสียก็ต้องซ่อม...ถ้าไม่ให้เสียผมก็ไม่ใช้มันผมก็ไเปลี่ยนหรือไปใช้ยี่ห้ออื่นที่มันไม่มี EGR ( ยังมีรึเปล่าไม่รู้ ) ตั้งแต่แรกก็จะได้ไม่เสียเวลาเสียเงินไปอุด  เหมือนเราไม่ชอบเกียร์ออโต้ ผมก็ไม่ซื้อเกียร์ออโต้ ผมก็ไม่เอาตัวท๊อปคือไม่ชอบมันก็ไม่ต้องไปซื้อมันมา  ซื้อมันมาพร้อมรถแล้วก็ใช้มันไปซะหน่อยไม่คิดมาก...เออความเห็นส่วนตัวนะ

ผมอุดครับ สั้นๆ

ดีครับ....เก่งมาก

[sun215sx]

ก็คุณใช้อย่างเดียว ไม่ดูแลรักษา อุดหรือไม่อุดก็ไม่มีค่า แค่พังช้าลง ไม่ได้หมายความว่าจะไม่พัง

[maxzim]

จากที่เห้นภาพที่มันดำเกาะติดตามชิ้นส่วนต่างๆนั้น ปสก ผมบอกว่าใช้น้ำมันผสมกันครับ ไม่ได้ใช้น้ำมันตัวเดียวกันหรือเบอร์เดียวกันอาจจะมีการเติมน้ำมันเครื่องโดยที่ไม่ทราบว่าของเดิมเป้นน้ำมันเบอร์อะไร จึงเกิดสภาพอย่างในภาพ