อันนี้ COPPY เขามาครับ
หลายคนใช้รถมากเป็นเวลานาน เปลี่ยนรถมาก็หลายคัน แต่ยังไม่มีความเข้าใจหรือมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการบำรุงดูแลรักษารถยนต์ ซึ่งการ
ดูแลรักษารถยนต์นั้นต้องอาศัยความเข้าใจในหลายๆเรื่อง บางเรื่องก็อาจจะเป็นข้อมูลทางเทคนิคซึ่งมีความเข้าใจยาก ทั้งนี้ โตโยต้า เค. มอเตอร์ส
แชมป์ประเทศไทยด้านช่างเทคนิค ขอเสนอข้อมูลยากๆ ให้ไม่ยากอีกต่อไป
คำถาม : น้ำมันเครื่องต้องตรวจเช็คตอนไหน
คำตอบ : การตรวจเช็คน้ำมันเครื่องเป็นเรื่องที่เจ้าของรถยังปฏิบัติกันผิดๆ ควรจอดรถบนพื้นราบ เพื่อให้ระดับน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับที่ถูกต้อง
ทำการวัดหลังจากที่ดับเครื่องอย่างน้อย 5-10 นาที เพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลกลับลงมาสู่อ่างน้ำมันเครื่อง การวัดจึงจะแม่นยำ
คำถาม : เราควรเติมลมยางตอนไหน
คำตอบ : ควรเติมตอนที่ยางยังเย็นอยู่หรือขับได้ระยะ 2-3 กิโลเมตร อุณหภูมิในยางจะไม่เปลี่ยนแปลงมาก เมื่อเติมลมจะได้แรงดันที่ถูกต้อง
ปกติเราวิ่งได้ระยะหนึ่งลมยางจะร้อนและเกิดการขยายตัวทำให้แรงดันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ถ้าวัดแรงดันตอนที่ยางยังร้อนจะได้แรงดันที่
ไม่ถูกต้อง
คำถาม : ไนโตเจนจำเป็นหรือไม่
คำตอบ : ไม่จำเป็น แต่ถ้าเติมได้ก็ดี โดยเฉพาะผู้ที่วิ่งทางไกลเป็นประจำ เพราะจะช่วยรักษาอุณหภูมิภายในยางได้ดีกว่า แรงดันก็จะไม่ผิดเพี้ยน
มากนัก ระยะยาวช่วยในเรื่องของการยืดอายุการใช้งานของยางด้วย ปัจจุบันเติมถูกมากถ้าเติมได้ก็ควรเลือกแต่ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องซีเรียส
คำถาม : เมื่อเปลี่ยนยางคู่เดียวต้องไว้หน้าหรือหลัง
คำตอบ : ส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าให้เอาไว้ด้านหน้า แต่แท้จริงแล้วควรไว้ที่ล้อหลังจะดีกว่า เพราะเวลาเบรกโมเมนตัมจะถ่ายน้ำหนักมาด้านหน้า
ถ้าเอายางเก่าไว้ล้อหลังการยึดเกาะจะน้อยลง อาจจะทำให้เกิดอาการท้ายปัดได้ง่าย รวมถึงการทรงตัวในทางโค้ง ยางเก่าไว้ข้าง
หน้าไม่มีปัญหาสำหรับรถเครื่องวางหน้าเพราะน้ำหนักเครื่องจะช่วยกดยางให้สัมผัสพื้นตลอดเวลา
คำถาม : เปลี่ยนผ้าเบรกต้องเจียรจานหรือไม่
คำตอบ : ไม่ควร ยกเว้นกรณีที่จานเบรกมีรอยลึกมากเท่านั้น ร้านส่วนมากมักจะให้ลูกค้าเจียรจานเบรกเพราะได้ค่าแรงเพิ่มอีกหลายร้อยบาท แต่ใน
ความเป็นจริงแล้วไม่ควรเจียร เมื่อเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ให้วิ่งด้วยความเร็วต่ำ ย้ำเบรกเป็นจังหวะ ๆ จนกว่าจะรู้สึกว่าเบรกเริ่มจับตัวเป็น
ปกติ เหมือนกับการรันอินเครื่องยนต์
คำถาม : ล้างห้องเครื่องจำเป็นหรือไม่
คำตอบ : ไม่จำเป็น แต่เจ้าของรถส่วนใหญ่ต้องการให้รถดูสะอาด การล้างห้องเครื่องไม่ควรทำบ่อยๆ เว้นการเช็ดด้วยมือสามารถทำได้บ่อย
การล้างควรล้างปีละครั้ง ถือว่ามากพอแล้ว ควรล้างหลังจากหมดฤดูฝน การล้างต้องรอให้เครื่องเย็นจนมือจับส่วนต่างๆ ได้จะช่วย
ลดปัญหาการเสื่อมสภาพของชิ้นส่วนต่างๆได้มาก
คำถาม : หัวเชื้อน้ำมันเครื่องจำเป็นไหม
คำตอบ : ไม่จำเป็นเลย ปัจจุบันเรื่องโลหวิทยาก้าวหน้าไปมาก รถในปัจจุบันสามารถใช้งานได้นับล้านกิโลเมตร และน้ำมันเครื่องก็มีเทคโนโลยี
ล้ำหน้าไปมาก การเติมหัวเชื้อจึงเป็นความสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ และเป็นต้นเหตุของการอุดตันในท่อทางเดินน้ำมันเครื่องที่มีขนาดเล็ก
ในเครื่องยนต์
คำถาม : หัวเชื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจำเป็นไหม
คำตอบ : ไม่จำเป็นเช่นกัน ถ้ารถคุณไม่ได้ทำเครื่องมาแบบรถแข่งในสนามที่ต้องวิ่งรอบสูงตลอดเวลา หัวเชื้อเพิ่มคุณภาพน้ำมันเพราะอาจทำให้
ซีลยางในระบบเกิดการเสื่อมสภาพมีปัญหาตามมาในระยะยาวได ้ รวมถึงอาจทำให้เครื่องยนต์ทำงานผิดไปด้วย
คำถาม : เวลาจอดรถควรยกก้านปัดน้ำฝนหรือไม่
คำตอบ : ไม่ควร เพราะจะทำให้สปริงล้า ซึ่งสปริงตัวนี้มีหน้าที่ในการกดใบปัดน้ำฝนให้แนบติดกระจกตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง
ลมที่ไหลผ่านกระจกหน้าจะยกให้ใบปัดน้ำฝนลอยตัว สปริงตัวนี้จะทำหน้าที่กดใบปัดให้แนบกับผิวหน้าของกระจก
คำถาม : เวลาจอดรถควรเปิดฝากระโปรงหรือไม่
คำตอบ : ควรทำ เพราะช่วยระบายความร้อนในห้องเครื่องยนต์ได้มาก เป็นการยืดอายุการใช้งานพวกท่อยางและอุปกรณ์พลาสติกต่างๆ ให้ยาว
นานขึ้น เพราะเมื่อดับเครื่องยนต์แล้ว ระบบระบายความร้อนจะไม่ทำงาน อุณหภูมิจะพุ่งสูงขึ้นระดับหนึ่งก่อนจะค่อยๆเย็นตัวลง แต่ถ้า
ฝากระโปรงหน้ามีโช้กอัพค้ำยันอาจจะทำให้โช้กอัพเสื่อมเร็วขึ้น
คำถาม : เมื่อไรควรสลับยาง
คำตอบ : ควรหมั่นสลับยาง เพื่อให้ยางเกิดการสึกหรอที่ใกล้เคียงกัน อาจจะใช้ระยะเวลาสัก 6 เดือนเป็นตัวกำหนดคราว ๆ ก็ได้ แต่ไม่ใช่เรื่อง
ตายตัว ถ้าพบว่ายางมีการสึกหรอผิดปกติเกิดขึ้นให้สลับยางก่อนเวลา พร้อมทั้งตรวจเช็กหาข้อบกพร่องเพื่อทำการแก้ไข ถ้าวิ่งทาง
ไกลเป็นประจำควรสลับยางเร็วขึ้น
คำถาม : การวอร์มเครื่องตอนเช้าจำเป็นหรือไม่
คำตอบ : ไม่จำเป็น และไม่ควรทำการสตาร์ทเพราะการสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งแรกในตอนเช้าจะเกิดมลพิษมากที่สุด ไม่นับถึงความสิ้นเปลืองที่
เกิดขึ้น ดังนั้นเมื่อพร้อมออกเดินทาง ก็สตาร์ทเครื่องแล้วออกตัวได้เลย แต่ควรใช้ความเร็วต่ำจนกว่าอุณหภูมิเครื่องยนต์จะถึงระดับปกติ
คำถาม : เติม 91 หรือ 95
คำตอบ : รถหลายรุ่นสเปคระบุว่าเติมแก๊สโซฮอล์ 91 ได้ แต่ในการใช้งานจริงนั้นกลับทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ไม่เต็มสมรรถนะ เพราะน็อก
เซ็นเซอร์จะลดองศาไฟเพื่อป้องกันการน็อกตลอดเวลา ควรลองดูว่าเมื่อเติม 95 แล้วเครื่องยนต์ทำงานต่างกันหรือไม่ ถ้าแตกต่าง
ก็ควรเติมแก๊สโซฮอล์ 95 เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานสมบูรณ์ ถ้าไม่แตกต่างก็เติมแก๊สโซฮอล์ 91 ได้ิ
