ผู้เขียน หัวข้อ: รอบรู้เรื่องล้อแม็กซ์  (อ่าน 2441 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ๖@_MR.BossAuN_@๙

  • ไมล์ 301-600
  • *
  • กระทู้: 386
  • คะแนน Like 296
  • จังหวัด: BANGKOK
  • ชื่อเล่น: MR.BossAun เอ็น.ดี.ซี #๑๓๘๒#
รอบรู้เรื่องล้อแม็กซ์
« เมื่อ: 14ก.ย.2013, 16:53:48 »
    เมืองไทยกับฝนตกนั้นเป็นของคู่กัน สภาพถนนและทัศนวิสัยของการขับรถท่ามกลางสายฝน จะแตกต่างจากการขับปกติทั่วไป สิ่งที่ทุกท่านต้องคำนึงถึงนั่นก็คือต้องเพิ่มความ  ระวังในการขับรถมากเป็นพิเศษเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน วิธีการขับรถอย่างปลอดภัยในหน้าฝนนั้นคงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับทุกคน ซึ่งมีวิธีในการขับรถดังนี้

               ไม่ขับชิดคันหน้าเกินไป จากทัศนวิสัยที่ไม่แจ่มชัดในขณะฝนตก บวกกับสภาพถนนที่เปียกลื่น การขับจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก ไม่ควรขับชิดคันหน้าจนเกินไป  ควรทิ้งระยะห่างจากการขับในสภาพปกติ อีก 10-15 เมตร เพื่อความปลอดภัย หากขับชิดเกินไปและมีการเบรกกระทันหัน ผู้ขับรถยนต์ที่ตามหลัง จะไม่สามารถใช้เบรกไดทันท่วงทีไม่  เหมือนกับการขับขี่ในสภาพปกติ อีกทั้งละอองน้ำที่ดีดจากรถยนต์คันหน้ายังทำให้ทัศนวิสัยของผู้ขับรถตามมาด้านหลังไม่ชัดเจนซึ่งจะก่อให้เกิดอบัติเหตุได้ง่าย

               ชะลอความเร็วเพื่อความปลอดภัย ในกรณีที่ฝนตกหนัก การใช้ความเร็วสูงในการขับคงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก และในกรณีที่ฝนตกปรอยๆ หรือหลังฝนหยุดตกใหม่ๆนั้น ควร  ขับด้วยความระมัดระวัง ไม่ควรใช้ความเร็วสูงด้วยเช่นกัน การขับด้วยความเร็วสูงขณะฝนตก อาจทำให้เกิดอาการ HYDRO PLANING (การเหินน้ำหรือลักษณะที่ยางลอยตัวขึ้นจากพื้น) เกิด  ขึ้นได้จากหลาย ๆ สาเหตุประกอบกันปัจจัยที่สำคัญได้แก่ ความเร็วของรถ ความดันของลมยาง ปริมาณน้ำบนถนน สภาพของผิวถนนและสภาพยาง คือถ้าใช้ความเร็วสูง ความดันยางลมอ่อน  มีปริมาณน้ำบนถนนมากสภาพผิวถนนเรียบและสภาพยางค่อนข้างเก่าโอกาสที่รถจะมีอาการเหินน้ำก็จะเกิดขึ้นได้ง่ายยิ่งขึ้น


               เมื่อเรารู้สาเหตุแล้ว การป้องกันอาการ HYDRO PLANING (การเหินน้ำ) ของรถคู่ใจของคุณนั้นไม่ยากเลยครับ เมื่อต้องขับรถตอนฝนตก คุณไม่ควรใช้ความเร็วให้มากนัก    นอกจากนี้คุณควรเอาใจใส่ยางรถยนต์ของคุณไม่ว่าจะเป็นการตรวจเช็คลมยางและสภาพยางเป็นประจำ ทั้งนี้ควรเพิ่มลมยางให้มากกว่าปกติประมาณ 3-5 ปอนด์ เมื่อต้องขับรถช่วงหน้าฝน  เพื่อให้หน้ายางแข็งและมีกำลังในการตัดน้ำ กรณีที่ดอกยางรถสึกหรอมาก ควรเปลี่ยนยางรถใหม่ โดยเลือกใช้ยางที่มีดอกยางละเอียดและมีร่องยางที่สามารถรีดน้ำได้ดีมากเพื่อประสิทธิภาพ  ในการเกาะถนนและหยุดรถได้ดีกว่า
 โดยทั่วไปในบ้านเราจะแบ่งยางออกเป็น 2 ลักษณะคือ

1.ดอกยางแบบ 2 ทิศทาง

              ดอกยาง ประเภทนี้ จะสามารถ ทำการ สลับยาง ได้ทุกตำแหน่ง ลักษณะมี ดอกยาง สวนทางกัน  จึงไม่เน้นในเรื่องของความเร็วสูงมากนัก แต่ก็ใช้ได้อย่าง สะดวกสบาย

2. ดอกยางแบบทิศทางเดียว 



               ดอกยางจะมีลักษณะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งยังมีสัญลักษณ์ลูกศรแสดงไว้ที่บริเวณแก้มยาง เพื่อบ่งบอกถึงตำแหน่งของการหมุนของล้อให้เราสามารถใส่ได้อย่างถูกต้อง ดอกยางประเภทนี้ ถูกออกแบบมาให้สามารถรีดน้ำได้ดีกว่าประเภทแรก เพื่อประโยขน์ในการควบคุมการทรงตัวในขณะใช้ความเร็วได้ดี

               หลีกเลี่ยงการเปิดไฟฉุกเฉินเมื่อฝนตกหนัก บ่อยครั้งที่ฝนตกหนักจนทัศนวิสัยข้างหน้าไม่ชัดเจน ผู้ขับมักนิยมเปิดไฟฉุกเฉินด้วยความหวังดี เพราะต้องการให้รถยนต์ที่ตามมาข้างหลังเห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นเรื่องไม่จำเป็นและเป็นการรบกวนสายตา ยิ่งไปกว่านั้น หากผู้ขับรถยนต์คันหน้าต้องการเปลี่ยนช่องทาง จะทำให้ผู้ขับรถยนต์ ที่ตามมาข้างหลังไม่ทราบเพราะมีไฟกะพริบทั้ง 4 มุม แค่เปิดไฟต่ำหรือตัดหมอกก็เพียงพอแล้ว

               การขับรถยนต์ลุยน้ำท่วม ขณะที่ฝนตกหรือหลังฝนหยุด บางจุดของผิวถนนมีน้ำท่วมขัง การขับต้องใช้ความระมัดระวังเพิ่มขึ้น วิธีง่ายๆในการขับรถลุยน้ำมีดังนี้

  ขับผ่านน้ำด้วยความรวดเร็ว เพราะกันชนหน้ากับล้อรถจะช่วยแหวกน้ำไม่ให้เข้าถึงประตู
  อย่าจอดรถแช่น้ำไม่ว่ากรณีใดๆ เพราะจะทำให้น้ำค่อยๆ ซึมเข้ามาในรถในช่วงที่เราจอด
  ห้ามดับเครื่องในขณะจอดแช่น้ำ เพราะเมื่อเราดับเครื่อง ลูกสูบบางลูกอยู่ในจังหวะคลายเมื่อดับเครื่องจะทำให้ลูกสูบวิ่งสวนทางประมาณครึ่งรอบทำให้สูบจะดูดน้ำกลับเข้ามาทางท่อไอเสีย
  อย่าเปิดเครื่องปรับอากาศในขณะที่รถอยู่ในน้ำ เพราะจะทำให้พัดลมไฟฟ้าหน้าเครื่องทำงาน ซึ่งพัดลมนี้จะดูดเศษวัสดุเข้ามาทางหน้ารถแล้วอาจจะทำให้เศษวัสดุนั้นไปขัดกับใบพัดลมก่อให้  เกิดความเสียหายได้  ในกรณีคอมเพรสเซอร์แอร์ก็เช่นกันน้ำอาจจะเข้าไปในระบบสนามแม่เหล็ก(ครัชแอร์) ทำให้เกิดการช็อตเสียหายได้
  ปิดอุปกรณไฟฟ้าทุกชนิดที่มีอยู่ในรถเปิด ไว้แต่ไฟหน้ารถเพียงอย่างเดียว ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตามในการลุยน้ำต้องเปิดไฟหน้าเพราะจะช่วยให้เราเห็นสภาพใต้น้ำได้
  เมื่อขับรถพ้นน้ำมาแล้วให้แตะเบรคเบาๆ แช่ไว้ประมาณ 3-4 ครั้ง เพื่อเป็นการรีดน้ำออกจากจานเบรค
  เมื่อขับรถผ่านน้ำมาเรียบร้อยแล้ว ให้ออกมาตรวจดูรถโดยรอบว่ามีเศษวัสดุอะไรติดมากับรถของท่านหรือปล่าวโดยเฉพาะบริเวณกระจังหน้าและห้องเครื่องเพราะพัดลมเครื่องจะดูดเศษวัสดุ  เข้ามา
  หลังการลุยน้ำแล้วกลับมาถึงบ้าน ถ้าไม่รีบร้อนจนเกินไปนักล่ะก็ ยังพอจะมีงานให้ทำอีกสักเล็กน้อย เพื่อเป็นการกำจัดน้ำที่ติดอยู่ตามชิ้นส่วนของรถบางจุด เช่น เบรก หรือไดสตาร์ท ที่อยู่     ต่ำทำให้น้ำแทรกซึมเข้าไปได้ ควรเดินหน้าถอยหลังแล้วเบรกแรงๆ หลายๆ รอบ เป็นการรีดน้ำออกจากผ้าเบรก และหลังจากดับเครื่องให้สตาร์ทเครื่องใหม่และดับเครื่องซัก 2-3 ครั้งเพื่อรีด   น้ำที่อาจค้างอยู่ในไดสตาร์ท
  การจอดรถไม่ควรเข้าเกียร์ค้างไว้ หรือใส่เบรกมือเหมือนยามปกติเพราะอาจทำให้ “เกียร์ค้าง” หรือ “เบรกติด” ได้ในกรณีที่จอดรถค้างคืนแล้วตอนเช้าพบว่าเวลาออกรถแล้วมีเสียง ครืด      คราดจากเบรก ไม่ต้องตกใจเป็นเรื่องธรรมดาเนื่องจากเบรกติดเท่านั้นเอง ซึ่งจะมีเสียงเฉพาะตอนขับรถครั้งแรกเพียงครั้งเดียว ยกเว้นถ้ามันดังทุกครั้งที่เหยียบเบรก แบบนี้ต้องถึงมือช่าง  หน่อยแล้ว และก่อนออกเดินทางควรทดลองเบรกดูก่อนว่า มีอะไรผิดปกติหรือไม่
  สำหรับรถบางคันหลังจากลุยน้ำมาจะพบกับอาการเกียร์เข้าไม่ได้ อันนี้ก็อย่าเพิ่งตกใจอะไร แสดงว่ามีน้ำเล็ดลอดเข้าไปในชุดคลัทช์จากการลุยน้ำทำให้เกิดสนิมขึ้นมา วิธีแก้ไข ก็ให้หาทาง     โล่งๆ หน่อย ต่อจากนั้นให้เข้าเกียร์เอาไว้ที่เกียร์ 1 แล้วสตาร์ทรถติดเครื่อง วิ่งออกไปเลย มันจะเกิดแรงกระชากให้หลุดออกมาเองแหละ ถ้าไม่มีที่ทางสะดวกพอ ก็ต้องอาศัยแรงคนเข้า      ช่วย  แทนโดยการเข้าเกียร์ 1 ไว้ แล้วเกณฑ์พรรคพวกมาช่วยกันเข็นรถให้เดินหน้าอาจใช้แรงมากหน่อยแต่ก็ได้ผลเหมือนกัน
               ฝากถึงผู้ใช้รถใช้ถนนทุกท่าน ควรระลึกว่ากำลังรับผิดชอบชีวิตทุกคนที่ใช้ถนนร่วมกัน หมั่นตรวจเช็คความพร้อมของเครื่องยนต์ ระบบการทำงานต่างๆว่าทำงานได้ดีหรือไม่และที่   สำคัญอยากให้ใจเย็นกันสักนิด ขับขี่อย่างปลอดภัยร่วมกันสร้างจิตสำนึกที่ดีช่วยกันลดอุบัติเหตุนะครับ...


ขอบคุณข้อมูลจาก www.Unlimit-travel.com 
  ___________________________________________________________________
02. วิธีการดูแลล้อแม็ก ให้สวยนาน

           การทำให้ ล้อแม็ก สวยนั้น เป็นเรื่องที่ดูแล้วไม่ยากนัก แต่การที่จะทำ ล้อแม็ก ของคุณสวยภายใต้ความแข็งแรง, และปลอดภัย เป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงเป็นอย่างมาก และบทความข้างล่างนี้อาจเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย เพื่อให้คุณได้รู้วิธีการดูแลรักษา ล้อแม็ก ให้สวยคงทน คู่รถของท่านไปนานแสนนาน

การล้างทำความสะอาด ล้อแม็กซ์

การล้างทำความสะอาด ล้อแม็กซ์เมื่อคุณประกอบ ล้อแม็ก อันสวยงามของคุณเข้ากับรถแล้ว เมื่อมีการขับขี่ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือคราบสิ่งสกปรกที่จะเข้ามาติดกับ ล้อแม็ก ของคุณไม่ว่าจะเป็นคราบ น้ำมัน ยางมะตอยจากท้องถนน ฝุ่นผงจาก ผ้าเบรค เศษหิน ดิน โคลน ต่างๆ ดังนั้นเมื่อมีสิ่งเหล่านี้ติดมาก็ต่อทำการล้างโดยเร็ว ด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ แล้วจึงล้างด้วยน้ำสะอาด พึงระวังอย่าใช้แปรงหรือเส้นใยสังเคราะห์ที่มีความแข็งกระด้าง รวมไปถึง ยาขัดสี โดยเด็ดขาด หรือควรหลีกเลี่ยง การล้างรถ ด้วยเครื่องล้างอัตโนมัติ เพราะแปรงที่แข็งก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้ผิว ล้อแม็กซ์ ของคุณเป็นรอยได้

ควรหลีกเลี่ยง การล้างล้อแม็ก ในขณะที่ ล้อแม็ก กำลังร้อนอยู่ เพราะเมื่อเราล้างด้วยน้ำสบู่ มักจะแห้งเร็วทำให้เกิดคราบเป็นจุดติดที่หน้าล้อได้ ดังนั้นจึงควรปล่อยให้ ล้อแม็ก เย็นก่อนทุกครั้งที่ทำการล้าง การทำความสะอาด ควรใช้น้ำฉีดล้างบริเวณที่ถูสบู่ไปแล้ว แต่ต้องล้างก่อนที่คราบรอยแห้งของสบู่จะค้างติดอยู่ ควรใช้ฟองน้ำนุ่มๆ ถูบริเวณ ล้อแม็กซ์ และควรมี ฟองน้ำแยกกันระหว่างการล้าง ล้อแม็ก กับการล้างส่วนอื่นของตัวรถ เพราะ ล้อเป็นส่วนที่มีสิ่งสกปรกได้ง่าย หากใช้ฟองน้ำอันเดียวกัน ก็จะทำให้สิ่งสกปรกและ เม็ดทราย ไปติดหรือทำลายผิวสีของส่วนอื่นก็ได้

ล้อขอบเงา

ล้อขอบเงาส่วนล้อที่เป็นลักษณะขอบเงา การดูแลอาจต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะส่วนใหญ่มักจะ เคลือบ แลคเกอร์ ไว้ แต่ถึงอย่างไร ความคงทนก็ย่อมด้อยกว่า การทำสี ดังนั้นไม่ควรใช้แปรงที่ขนแข็ง หรือใช้วัสดุอื่น ขัดอย่างรุนแรง เพราะจะทำให้ ฟิลม์ แลคเกอร์ ซึ่งค่อนข้างบางอยู่แล้ว เกิดชำรุด ซึ่งจะก่อให้เกิดคราบขี้เกลือ ( สนิมขาว Oxidation ) เกิดขึ้น


ล้อแม็ก มีคราบ ยางมะตอย ติด ให้ทำดังนี้ครับ...

หา น้ำมันสน หรือ น้ำมันก๊าด จุ่มกับ เศษผ้า เช็ดตามจุด ที่ ยางมะตอย ติด
หลังจากนั้น ล้าง ล้อแม็ก ด้วย แชมพูล้างรถ หรือไม่ ก็เอา น้ำยาล้างจาน แทนก็ได้ ตามด้วย ล้างน้ำเปล่าซ้ำ แล้วเช็ดให้แห้ง
หากอยากให้ ล้อแม็ก ของท่านสวยเงางาม ก็หายาขัดชนิดละเอียดที่สุด ลูบหรือเช็ดเบาๆ ( หลีกเลี่ยงการขัดอย่างรุนแรง ) เพราะจะทำให้ แลคเกอร์ ที่เคลือบนั้น บางลง ซึ่งจะทำให้การปกป้องของสี ลดลงตามไปด้วย
__________________________________________________________________
03. ฉี่สุนัขกับล้อแม็ก

   ปัญหาหรือผลเมื่อ ล้อแม็ก ถูกฉี่สุนัข

        ฉี่สุนัข นั้นมีคุณสมบัติ เป็นกรด ชนิดหนึ่ง ซึ่งเมื่อสัมผัสกับโลหะ โดยเฉพาะ กระทะล้อ เจ้ากรดนี้ก็จะทำลาย ชั้นฟิลม์ ของสี หรือ แลคเกอร์ ที่เคลือบอยู่ และยิ่งหาก ล้อแม็ก ที่เป็นประเภท หน้าเงา หรือ ขอบเงา ( Polished ) เนื้อ ล้อและสี จะเสียหายได้ง่ายกว่า เมื่อเทียบกับ ล้อแม็ก ชนิดที่พ่นสีเต็มวง ( Full Painted Wheel ) ส่วน ล้อแม็ก ที่ถูก ฉี่สุนัข แล้วเกิดคราบขี้เกลือ โดยส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นภายใต้สีหรือชั้นแลคเกอร์ ซึ่งการสังเกตุจะมองเห็น ลักษณะคล้ายขี้เกลือ ( Oxide ) ในล้อที่หน้าเงา แต่ในล้อที่เป็นชนิดการพ่นสีเต็มวง ก็มักเห็นเป็นสีปูด บวม หรือ สีพอง พอเอาของแข็งกดหรือขูด ที่ตำแหน่งนั้น ก็จะพบว่ามีขี้เกลืออยู่เช่นกัน
ปัญหาหรือผลเมื่อ ล้อแม็ก ถูกฉี่สุนัข



        การแก้ไขปัญหา เมื่อ ล้อแม็ก ถูก ฉี่สุนัข เมื่อเราพบว่า ล้อแม็ก ของเราถูก ฉี่สุนัข ก็ให้ใช้น้ำสะอาด ราดให้ทั่วล้อโดยทันที แต่อย่าลืม ต้องเช็ดหรือทำให้แห้ง ทันที เช่นกัน อย่าปล่อยให้น้ำขัง มิฉะนั้น น้ำก็อาจเป็นตัวทำให้ เกิด ขี้เกลือ ( oxide ) ได้เหมือนกัน หากพบว่าเป็นรอยจนสามารถเห็นได้ชัดเจน หากไม่มาก ก็ให้ทำความสะอาดเอารอยขี้เกลือนั้นออก แล้วเอาแปรงเล็กๆ จุ่มแลคเกอร์ (ชนิดแห้งเร็ว) ทาเฉพาะจุดที่มีปัญหา ก็ยังพอป้องกันไปได้สักระยะหนึ่ง แต่หากเป็นมาก แนะนำให้นำมาลอกออก แล้วทำสีใหม่ จะดีกว่าปล่อยให้กัดกินจนลึกเกินกว่าการเยี่ยวยา


ข้อแนะนำสำหรับการเลือกใช้ล้อแม็ก กับท่านที่มี สุนัข
หากท่านใดที่ประสงค์จะเปลี่ยนหรือใช้ ล้อแม็ก ก็ควรพิจารณา ซื้อล้อที่เป็นลายโปร่ง สามารถล้างได้ง่ายๆ ไม่มี ซอก หรือ ร่อง ที่อาจทำให้เกิดการขังของน้ำหรือความชื้น ได้ง่าย
สำหรับท่านที่มีสุนัข การเลือกล้อแม็ก ควรหาล้อที่เป็นชนิด พ่นสีเต็มวง ( Full Painted Wheel ) จะดีกว่า การใช้ล้อแบบ หน้าเงา หรือ ขอบเงา ( Polished Wheel ) เพราะล้อที่หน้ากลึงเงา การปกป้อง จะด้อยกว่า เนื่องจากมีเพียงฟิมล์ของแลคเกอร์ เคลือบอยู่เพียงอย่างเดียว ซึ่งต่างจากล้อที่พ่นสีเต็มวง เพราะล้อจะมีชั้นของสีรองพื้น+ชั้นสีทับหน้า+แลคเกอร์ จึงทนทานกว่า
การป้องกัน หาสิ่งของเช่น แผ่นไม้อัด, แผ่นพลาสติกแข็ง หรือ ผ้าคลุมรถ ไว้บัง เพื่อปกป้อง ล้อและยาง ไม่ให้สุนัข เข้าไปฉี่ได้ ดังนั้นหากเราเข้าใจถึงสภาพความเป็นจริง ก็จะทำให้รถของเรามีล้อที่สวย และสามารถอยู่ร่วมกับ สุนัขที่น่ารัก ของเราได้ อย่างมีความสุข
 
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14ก.ย.2013, 17:01:25 โดย ๖@_MR.BossAuN_@๙ »
ความรู้เรื่องรถรวมลิ้งค์ต่างๆ http://www.newdmax-club.com/index.php/topic,32940.0.html  1 like กำลังจัยดีๆคับ   emo56 emo55 emo52

ออฟไลน์ Mamoad 699

  • Assist. Staff
  • ไมล์ 3001-4000
  • *****
  • กระทู้: 3601
  • คะแนน Like 165
  • I Love PiTBuLL ### NDC.699 ###
  • จังหวัด: กทม. - ระยอง
Re: รอบรู้เรื่องล้อแม็กซ์
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 14ก.ย.2013, 17:21:16 »
ขอบคุณครับ  emo35

ออฟไลน์ Chanwut

  • ไมล์ 8001-9000
  • *
  • กระทู้: 9524
  • คะแนน Like 187
  • NDC.1015...V-CROSS 4D 3.0 AT
  • จังหวัด: ...ระยอง...
  • ชื่อเล่น: ...น้าหนุ่ม...
Re: รอบรู้เรื่องล้อแม็กซ์
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 14ก.ย.2013, 23:16:11 »
...ขอบคุณครับ...สำหรับข้อมูล...ดีดี...
...ALL NEW ISUZU DMAX 4D V-CROSS 3.0 VGS Z-PRESTIGE NAVI AT...2012