ใช่ตามความคิดเห็นทั้งสองข้างบน น้ำมันเครื่องที่ดีจะมีความสามารถในการชำระความสกปรกสูง แต่เจ้าของกระทู้นำมาให้ดูว่าวิ่งแค่ 20 กม. แล้วดำตามตัวอย่างที่แสดงมา คิดว่า น่าจะดำเร็วกว่าปกติครับ เนื่องจาก
ครั้งแรกผมเปลี่ยนถ่ายที่ 10000 กม. น้ำมันเครื่องมีสีดำมาก แสดงถึงมีการชำระล้างสิ่งสกปรกภายในเครื่องได้ดี แต่ผมเห็นกระทู้ ไม่อุด EGR และมีคราบยางเหนียวในท่อมาก ผมจึงเปลี่ยนถ่ายทุก 5000 กม. แทน เพื่อถ่ายเทสิ่งสกปรกส่วนมากทิ้งไปกับน้ำมันเครื่องให้บ่อยขึ้นและมากที่สุด สีของน้ำมันเครื่องที่ถ่ายจึงลดลงใกล้กับสีของน้ำมันเครื่องยนต์เบนซินที่ผ่านมีการเปลี่นถ่ายทุก 10000 กม. ครับ
ทุกครั้งที่ผมเปลี่ยนถ่ายที่ 5000 กม. และดูสีน้ำมันเครื่องที่ทิ้งไป สีมันไม่ดำมากเท่ากับการเปลี่ยนถ่ายที่ 10000 กม. มันทำให้ผมมีความสุขครับ เหมือนได้ให้การดูแลที่ดี ถึงแม้ว่าคุณภาพน้ำมันเครื่องที่ใส่ไปอาจจะไม่ไช่เกรดสูงสุดคือแบบสังเคราะห์ 100% ก็ตาม แต่ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของศูนย์คือแบบกึ่งสังเคราะห์ ประกอบกับผมไม่ได้ใช้งานเครื่องยนต์หนักมากมายนัก แต่ใช้วิธีการเปลี่ยนบ่อยขึ้น เพื่อให้ได้มีน้ำมันเครื่องที่ใหม่และสะอาดตลอด
เดียวผมจะเอามั่ง ทุก5000กม แต่อันนี้ขอใช้ซัก1เดือนก่อนเดี๋ยว ผบ จะไม่พอใจ ผมคงจะไม่ไปถ่ายน้ำมัน5000กม ที่ศูนย์ แต่จะเข้าที่ศูนย์ทุก 10000 กม
ไม่เข้าศูนย์ใหญ่ที่จันทบุรีละเพราะช่างมันห่วยุ อย่างกรองน้ำมันใช้มือขันก็ยังได้มันเล่นซะหัวเป็นรอยเลย เพื่อนๆที่อยู่ชล ระยองแนะนำศูนย์ทีคับ

ครับ ผมใช้วิธี
1. เปลี่ยนที่ศูนย์ ทุกครั้งตามกำหนดในคู่มือ (10000 กม.) แต่จะเพิ่มการเปลี่ยนที่ปั้มน้ำมันหลังออกจากศูนย์มาทุกๆ 5000 กม. ก็จะได้น้ำมันเครื่องใหม่ทุก 5000 กม.
2. การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องนอกศูนย์ Isuzu ผมจะเปลี่ยนถ่ายที่ปั้มน้ำมัน หรือ กรณีต้องการ Castrol ก็เป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายของ Castrol จะได้มั่นใจว่าได้รับน้ำมันเครื่องแท้
3. เดิม ผมใช้รถเครื่องเบนซิน ผมจะใช้ นมค.สังเคราะห์ 100% ของ Castrol เนื่องจากเครื่องยนต์เบนซินรอบสูง จึงต้องการน้ำมันเครื่องที่มั่นใจว่ามีฟิล์มน้ำมันแข็งแรง แต่พอเปลี่ยนใช้เครื่องยนต์ดีเซล พบว่าน้ำมันเครื่องสกปรกเร็วมาก จึงใช้วิธีการเปลี่ยนทิ้งบ่อยขึ้น และเครื่องยนต์ดีเซลรอบไม่สูง จึงลดมาเหลือใช้น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์แทน
เทียบกันแล้ว ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแบบสังเคราะห์ทุก 10000 กม. กับ น้ำมันเครื่องแบบกึ่งสังเคราะห์ทุก 5000 กม. จะมีค่าใช้จ่ายรวมพอกัน แต่เปลี่ยนที่ทุก 5000 กม. จะได้น้ำมันเครื่องใหม่บ่อยกว่าครับ
น้ำมันเครื่องแบบสังเคราะห์จะมีข้อดีคือ ถนอมเครื่องยนต์ตั้งแต่เริ่มสตาร์ท เนื่องจากฟิล์มน้ำมันที่แข็งแรงยังคงเคลือบชิ้นส่วนเครื่องยนต์ตลอดเวลาหลังจากที่ดับเครื่องยนต์แล้ว แต่น้ำมันเครื่องแบบกึ่งสังเคราะห์ก็พัฒนาคุณภาพมาสูงเช่นกัน