สร้างทัศนคติอย่างไร ให้เด็กมีความร่วมมือกับการจัดฟันเด็ก ถ้าหากเราพูดถึงเรื่องของฟันของเด็ก ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญของใบหน้า พ่อแม่ผู้ปกครองควรดูแลเรื่องสุขภาพฟันของบุตรหลานตั้งแต่ฟันเริ่มขึ้น เพื่อให้บุตรหลานของท่านไม่เกิดปัญหาเกี่ยวกับฟันในระยะยาว ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาช่วยในการรักษาทางทันตกรรม แต่ก็ยังไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ดังนั้น การดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กให้ดีตั้งแต่ฟันเริ่มขึ้น ถือเป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่ทำให้ลูกของเราไม่มีปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน
สำหรับ สาเหตุที่อาจทำให้บุตรหลานของท่านมีปัญหาเกี่ยวกับฟันนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากพฤติกรรมในวัยเด็ก เช่น การดูดขวดนมในระยะเวลาที่ยาวนาน ซึ่งการดูดขวดนมของเด็ก เขาจะใช้ลิ้นดุนฟันหน้าตลอดเวลาที่ดูดขวดนมจากขวดส่งผลให้ฟันบนบานออก ฟันล่างหุบเข้าไปข้างใน ทำให้เกิดฟันผิดรูป ซึ่งการแก้ไขปัญหาควรให้ลูกดูดนมจากเต้าของแม่จะดีที่สุด นอกจากนี้ พฤติกรรมการดูดนิ้วก็มีผลต่อฟันของเราเช่นเดียวกัน อาจจะส่งผลทำให้เกิดฟันยื่น เพราะนิ้วที่ลูกนำเข้าปาก ก็มีลักษณะคล้ายกับการดูดขวดนมนั่นเอง ต่อมาในเรื่องของความผิดปกติของฟันอาจจะทำให้ฟันหน้าเคลื่อนหรือยื่นออกมาผิดปกติได้
ซึ่งในปัจจุบันสามารถแก้ไขได้ด้วยการจัดฟันในเด็ก ซึ่งการจัดฟันในเด็กนั้น มักนิยมจัดฟันในช่วงที่มีฟันแท้ขึ้นครบแล้ว นั่นก็คืออายุประมาณ 12 – 13 ปี ซึ่งการเข้ารับการรักษาทางทันตกรรมด้วยวิธีการจัดฟันก็มีด้วยกันหลากหลายช่วงอายุ ได้แก่ วัยเด็กเล็ก วัยเด็กและวัยรุ่น โดยในการจัดฟันในเด็ก ทันตแพทย์จะต้องทำการพิจารณาความผิดปกติและพัฒนาการของกระโหลกศรีษะและใบหน้าร่วมด้วย ถ้าหากมีความผิดปกติของความสัมพันธ์ของกระดูกขากรรไกรบนและล่าง ก็ควรเริ่มรักษาตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาลุกลามในอนาคต ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรนำบุตรหลานของท่านที่มีอายุต่ำกว่า 10 ปีมาตรวจกับทันตแพทย์จัดฟันโดยไม่ต้องรอให้ถึงวัยรุ่น
สำหรับการจัดฟันในเด็กนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคน อาจจะมีความกังวลว่า ถ้าหากนำบุตรหลานเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการจัดฟันในเด็ก จะส่งผลต่อพัฒนาการของบุตรหลานของท่านหรือไม่ ต้องบอกเลยว่า การพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็กนั้น ไม่ส่งผลต่อพัฒนาการของบุตรหลานของท่านอย่างแน่นอน เพียงแต่บุตรหลานของท่านจะต้องให้ความร่วมมือในการจัดฟันด้วย เพื่อให้ผลการรักษาเป็นไปตามที่ทันตแพทย์ได้กำหนดไว้ ทั้งนี้ การจัดฟันในเด็กนั้น ยังช่วยปรับโครงสร้างของใบหน้าของบุตรหลานของท่าน ช่วยให้เข้าที่มากยิ่งขึ้น สำหรับการพูดคุยกับบุตรหลานของท่านให้พร้อมรับมือกับการจัดฟันในเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองควรพูดทำความเข้าใจกับบุตรหลานของท่าน ให้ใส่ใจในเรื่องของปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันมากยิ่งขึ้น
ควรชี้ให้เห็นว่า ถ้าหากเราไม่ดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน และเกิดปัญหาฟัน จะมีผลอย่างไร แม้ว่าการจัดฟันในเด็ก อาจไม่ได้จำเป็นสำหรับเด็กทุกคน แต่จะดีกว่ามั้ย ถ้าหากพ่อแม่ผู้ปกครอง พาบุตรหลานของท่านไปตรวจกับทันตแพทย์จัดฟันตั้งแต่อายุยังน้อย และหากพบสัญญาณของความผิดปกติ ก็จะได้รีบแก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ ความผิดปกติหลายอย่างอาจจะยังสามารถแก้ไขได้ หากได้รับการรักษาตอนที่ยังเป็นเด็ก ซึ่งเป็นช่วงที่กระดูกขากรรไกรกำลังเจริญเติบโต เพราะถ้าหากรอให้เด็กโตจนเป็นวัยรุ่น แล้วค่อยมาเข้ารับการจัดฟัน ก็อาจทำให้ความผิดปกติหรือปัญหาฟันที่อาจแก้ไขได้ยิ่งแย่ลง ส่งผลให้การรักษามีความยุ่งยากขึ้นได้
หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจให้บุตรหลานของท่าน เข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านสุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก คอยให้คำปรึกษาอย่างละเอียด พร้อมทั้งยังช่วยแนะนำวิธีการดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟันอย่างถูกวิธี เพื่อให้เด็กได้มีฟันที่แข็งแรง และเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีได้