พอดีกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยเลยเอามาแชร์กันครับ

......................................
แม่แรง ประแจขันล้อ และยางอะไหล่ - รถยนต์ทุกคันจะมีชุดอุปกรณ์ใน
การเปลี่ยนล้อติดมาให้ทั้งนั้น (หากคุณซื้อรถมือสองมา ก็ให้ตรวจสอบด้วย
ว่ามีอุปกรณ์ติดรถยนต์นี้ให้มาครบด้วยหรือไม่) ให้ดูจากคู่มือถึงตำแหน่งที่เก็บ
และวิธีการใช้งานเบื้องต้น ถ้าเป็นรุ่นทีใช้ยางรถยนต์แบบ Run Flat จะไม่มี
ยางอะไหล่ให้ เพราะยาง Run Flat สามารถใช้งานวิ่งต่อได้ (มีข้อแม้ว่าต้อง
ไม่เกินระยะทางที่กำหนด เพื่อทำการเปลี่ยนยางใหม่) แม้จะไม่มีลม เพราะยาง
รถยนต์ประเภทนี้จะมีโครงสร้างแก้มยางที่แข็งกว่าปกติ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
ยางแบนโดยเฉพาะ
เกจวัดแรงดันลมยาง - ควรมีติดรถยนต์ไว้เสมอ และใช้วัดเดือนละครั้ง
หรือทุกครั้งหลังมีการเปลี่ยนอุณหภูมิภายนอกมาก เพราะลมยางจะลดลง
ประมาณ 2-3 ปอนด์ต่อเดือน อย่าลืมว่าต้องวัดขณะที่ยางรถยนต์ยังเย็นอยู่
และเติมที่ยางอะไหล่ของรถคุณด้วย
ฟิวส์สำรอง – ถ้าคุณมีปัญหาเกี่ยวกับระบบไฟในรถยนต์ไม่ว่าส่วนไหนก็
ตาม อย่างแรกที่สามารถตรวจสอบได้ทันทีและง่ายก็คือ ตรวจที่กล่องฟิวส์
ดูตำแหน่งฟิวส์ของอุปกรณ์ที่มีปัญหาตามที่ระบุจากตารางในคู่มือรถยนต์
หรือที่หลังกล่องฟิวส์ ถ้าพบว่าฟิวส์ขาด ก็สามารถแก้ไขได้โดยการเปลี่ยน
ฟิวส์สำรองทดแทนไปก่อน โดยในกล่องจะมีตำแหน่งบอกฟิวส์สำรอง ด้วย
สายพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ – ควรมีติดรถยนต์ไว้ตลอดการเดินทาง
แม้แบตเตอรี่ของรถจะยังสามารถใช้งานได้ตามปกติเพราะโอกาสที่แบตเตอรี่
รถยนต์จะมีปัญหาระหว่างการเดินทางก็ยังคงมีความเป็นไปได้ขณะเดียวกัน
ก็อาจเป็นฝ่ายให้ความช่วยเหลือผู้อื่นได้อีกด้วย
ชุดปฐมพยาบาล - เลือกใช้แบบทั่วไปเพื่อกรณีอย่าง รอยแผลบาด โดน
ของร้อน เคล็ดฟกช้ำ และควรมีผ้าพันแผลไว้ด้วย
กระป๋องดับเพลิง - ไฟอาจเกิดขึ้นได้กับรถด้วยสาเหตุง่ายๆอย่าง
สายไฟช็อต หรือ น้ำมันรั่ว ทันทีที่เกิดเปลวไฟขึ้นกับรถยนต์ของคุณ ให้รีบ
ออกจากรถโดยเร็วที่สุด ส่วนการใช้กระป๋องดับเพลิงนั้น จะใช้กับกรณีที่เป็น
เปลวไฟเล็กๆ ที่เพิ่งเริ่มก่อตัว กระป๋องดับเพลิงจะช่วยดับและลดความเสีย
หายได้ แต่ถ้าเกิดเป็นเปลวไฟขนาดใหญ่ กระป๋องดับเพลิงอาจไม่เพียงพอ
ควรพาตัวเองออกจากรถให้เร็วที่สุดเพื่อความปลอดภัยกระป๋องดับเพลิง
หาซื้อได้ตามแผนกอุปกรณ์รถยนต์ หรือร้านประดับยนต์ตามห้างทั่วไป อย่า
ลืมทำความเข้าใจวิธีการใช้งานก่อนด้วย
ไฟเตือนระวัง - เป็นอุปกรณ์ที่ควรมีติดรถไว้ในกรณีที่รถยนต์ของคุณเกิด
มีปัญหาต้องจอดข้าง ทาง เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องแสดงให้ผู้ใช้รถยนต์คน
อื่นๆเห็นและระวัง โดยเฉพาะเวลากลางคืน นอกจากเปิดไฟฉุกเฉินที่รถแล้ว
เราอาจะใช้ไฟเตือนระวังวางไว้บนหลังคา (แต่ต้องใช้แบตเตอรี่) ซึ่งผู้ใช้
รถยนต์คันอื่นจะสามารถสังเกตเห็นได้ตั้งแต่ระยะไกล หรือถ้าไม่มีก็อาจใช้
อุปกรณ์สามเหลี่ยมสะท้อนแสงบอกตำแหน่งแทน
ถุงมือ ครีมทำความสะอาด และผ้าสะอาด – ต่อให้เป็นงานที่ง่ายที่สุดใน
การซ่อมแซมหรือบำรุงรักษารถยนต์ ก็ยังทำให้มือของท่านเปื้อนได้เช่นกัน
ด้วยอุปกรณ์เหล่านี้ อย่างน้อยก็ไม่ทำให้มือที่เลอะของท่านไปโดนเสื้อผ้า
เบาะ หรืออุปกรณ์ภายในรถยนต์ ซึ่งยากต่อการทำความสะอาด
บัตรสมาชิกหรือเอกสาร Roadside Assistance - ที่สมัครเอาไว้
ให้เก็บไว้ในรถยนต์หรือกระเป๋าสตางค์เพื่อความสะดวกในการติดต่อใช้บริการ
เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินทุกครั้ง
กล้องดิจิตอล หรือกล้องจากโทรศัพท์มือถือ – เมื่อเกิดอุบัติเหตุกับ
รถยนต์ เราสามารถใช้กล้องบันทึกภาพและเสียงได้เอง เพื่อไว้เป็นหลักฐาน
หรือประโยชน์ต่อการเอาประกันภัย
โฟมปะยาง และเครื่องเติมลมไฟฟ้าแบบพกพา – เป็นอุปกรณ์
ที่ควรซื้อติดรถยนต์ไว้ (สำหรับคนที่อาจจะขี้เกียจเปลี่ยนยางอะไหล่)
สำหรับรอยรั่วเล็กน้อยบนยาง โฟมที่ว่านี้จะสามารถเข้าไปอุดรูรั่วเพื่อ
ให้สามารถใช้งานยางรถยนต์ต่อไปได้ แต่ใช้งานเฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
หลังจากที่หาร้านยางรถยนต์ได้ให้รีบทำการแก้ไข อย่างไรก็ตามร้านยาง
ทั่วไปจะไม่ปะยางที่ได้รับการยิงโฟมอุดรั่วมาเพราะว่า ข้างในยางจะเต็ม
ไปด้วยคราบเหนียวของโฟม อย่าลืมว่าโฟมใช้เพื่อการใช้งานแบบชั่วคราว
เท่านั้น นอกจากโฟมอุดรั่ว เราอาจใช้เครื่องเติมลมไฟฟ้าแบบพกพาได้
แต่ก็จะทำได้แค่ประวิงเวลาสำหรับรอยรั่วเล็กๆเท่านั้น
กระดาษและปากกา – หลายคนมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไป แต่จริงๆ
เราใช้ประโยชน์จากมันได้หลากหลาย เช่นเขียนโน้ตเหน็บไว้ที่กระจก
หน้ารถยนต์ เป็นต้น
GPS (Global Positioning System) – เมื่อต้องเดินทางไปในที่ใหม่ๆ
หรือสถานที่ไม่คุ้นเคย การมีเครื่อง GPS ติดรถยนต์ไปด้วยจะช่วยในเรื่องการ
บอกพิกัดของตำแหน่งที่อยู่ และที่ๆ จะไปได้อย่างชัดเจนและง่ายขึ้น
และเมื่อต้องเดินทางไกลควรตรวจสอบว่าโทรศัพท์มีแบตเตอรี่เพียงพอต่อการ
ใช้งานไป ตลอดการเดินทางๆ รถยนต์หรือไม่ เพื่อการโทรขอความช่วยเหลือ
ยามเกิดเหตุฉุกเฉินโดยเฉพาะเวลาอยู่ในพื้นที่ เปลี่ยว และควรบันทึกเบอร์
โทรศัพท์สำคัญเช่นของสถานีตำรวจท้องที่ ตำรวจทางหลวง (1193), 191,
และจส.100 (0-2711-9160-2) หรือ 1669 หน่วยฉุกเฉินเอาไว้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีเรื่องสำคัญที่ควรจะมีการตรวจเช็คอุปกรณ์ติดรถยนต์ต่างๆ ให้แน่ใจ
ว่าอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้เช่น ยางอะไหล่รถยนต์ มีลมเพียงพอหรือไม่ ,
ชุดปฐมพยาบาล ยังมียาและอุปกรณ์ใช้งานได้ไม่หมดอายุหรือเปล่า,
แม่แรงและเครื่องมือประจำรถยนต์อื่นๆ อยู่ครบถ้วนหรือไม่ และควรทำความคุ้นเคย
ในการใช้อุปกรณ์ด้วย
ที่มา : 3M ประเทศไทย