อุบัติเหตุทางรถยนต์เป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นทั้งนั้น โดยเฉพาะเมื่อเกิดกับเด็กซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่และช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ก็ยิ่งเป็นเรื่องที่น่าใจหายเข้าไปใหญ่ ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่สำคัญคือการปล่อยให้เด็กอยู่ในรถยนต์ที่จอดนิ่งเพียงลำพัง ซึ่งใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น เด็ก ๆ ก็อาจได้รับอันตรายถึงชีวิตได้
การปล่อยเด็ก ๆ ไว้ตามลำพังในรถยนต์ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย อย่างในประเทศไทยก็มีตัวอย่างเหตุสุดสลดนี้กับน้องเอย และน้องพอตเตอร์ หรือแม้แต่ในประเทศที่เจริญแล้วอย่างสหรัฐฯ ก็มีเด็กเสียชีวิตด้วยเหตุนี้เฉลี่ยถึง 10 วันต่อ 1 คน และคิดเป็นเด็กอายุไม่ถึง 2 ขวบกว่า 73 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นวัยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองใด ๆ ได้เลย
ผลร้ายของการปล่อยให้เด็ก ๆ อยู่ในรถนั้นถือว่าชัดเจนทีเดียว โดยผลการวิจัยจำนวนมากชี้ว่า หากปล่อยให้เด็กอยู่ในรถยนต์ที่ไม่ติดเครื่องยนต์เป็นเวลาเพียง 15 นาที ความร้อนภายในรถจะเริ่มทำลายระบบหายใจ ส่งผลต่อสมองของเด็กโดยตรง รวมถึงความร้อนยังไปทำลายไต ซึ่งทำให้เกิดอาการช็อกในเวลาต่อมา หรือที่เรียกกันว่าเป็นลมแดดนั่นเอง
แน่นอนว่า หากต้องพบกับสภาพอากาศร้อนขึ้นกว่าเดิมก็ยิ่งอันตรายมากขึ้น เพราะร่างกายของเด็กจะไวต่อความร้อนมากกว่าผู้ใหญ่ โดยเมื่อปล่อยเด็กอยู่ในภายในรถที่อุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส อวัยวะภายในร่างกายทั้งหมดจะล้มเหลว และเมื่อสูงถึง 41.6 องศาเซลเซียส เด็กก็มีโอกาสเสียชีวิตได้ทันที
ปล่อยให้เด็กอยู่ในรถยนต์
นอกจากนี้ แพทย์ในมาเลเซียยังไม่ยืนยันได้ว่า สามารถป้องกันอาการเป็นลมแดดในเด็กที่ปล่อยไว้ในรถยนต์ด้วยการเปิดหน้าต่างหรือเปิดระบบปรับอากาศ เนื่องจากอาจส่งผลเสียอื่น ๆ ตามมาอีก ดังนั้น ทางที่ดีก็ควรนำลูกหลานลงจากรถไปพร้อมกันจะดีที่สุด
ความจริงแล้ว คงไม่มีพ่อแม่หรือผู้ปกครองคนไหนตั้งใจทิ้งเด็ก ๆ ไว้ในรถยนต์ แต่ด้วยความเร่งรีบต่าง ๆ อาจทำให้พวกเขาลืมไปว่ามีอีกชีวิตที่นั่งอยู่ที่เบาะหลัง และยังมีโอกาสที่เด็กจะหลับอยู่ในรถจนลืมพาเด็กลงไปด้วย วิธีการแก้ปัญหานี้ อาจเป็นวิธีง่าย ๆ อย่างเช่น ลองวางกระเป๋าสำคัญไว้ในบริเวณที่เด็กนั่งอยู่ จะช่วยให้คุณไม่ลืมของและเจ้าตัวน้อยของคุณอย่างแน่นอน
แต่ถ้าหากคุณพบเห็นเด็กอยู่ในรถที่จอดไว้ ให้รีบพยายามติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อช่วยเหลือให้เร็วที่สุด เพราะอย่างที่ได้เตือนไว้ตอนต้น เพียงเวลาแค่ 15 นาทีเท่านั้น เด็ก ๆ ก็ไม่สามารถทนได้แล้วนั่นเอง
[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=XNDWN8KDVSM[/youtube]
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ Redcastleproductions สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
