เบรคออกแบบมาเพื่อทำให้รถช้าลง และหยุดรถ หรือจอดนิ่งบนทางลาด ซึ่งเป็นอุปการ์ของรถที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งเลยทีเดียว ที่จะทำให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่ รถยนต์ของเราที่กำลังไม่สามารถหยุดได้ทันที เมื่อเครื่องยนต์ตัดกำลังงานออกจากระบบส่งกำลัง เนื่องจากมีแรงเฉื่อย แรงเฉื่อยอันนี้ต้องทำให้ลดลง เพื่อที่จะทำให้รถหยุดนิ่ง เบรคโดยทั่วไปจะมีสองชนิดคือ แบบดรัมเบรก และดิสก์เบรก
วันนี้ขอกล่าวถึงในส่วนของดรัมเบรคก่อนว่ามีส่วนประกอบอะไร หลักการทำงานเป็นอย่างไร
1. แผ่นหลังเบรค จะถูกอัดขึ้นรูปจากแผ่นเหล็กกล้ายึดด้วยโบลท์กับเสื้อเพลาท้ายหรือที่ยึดเพลาท้าย ดังนั้นฝักเบรกจึงติดอยู่กับแผ่นหลังเบรค แรงเบรคทั้งหมดจะกระทำกับแผ่นหลังเบรค
2. กระบอกเบรคที่ล้อ ที่มักใช้กันมีสองแบบคือ แบบลูกสูบคู่ และแบบลูกสูบเดี่ยว เมื่อเหยียบเบรกคันเบรกจะมีกลไกกดที่แม่ปั้มเบรค ดันน้ำมันเบรคมาที่กระบอกน้ำมันเบรค น้ำมันเบรคที่แรงดันนี้จะมากระทำกับลูกสูบในกระบอกเบรค ให้เคลื่อนที่ไปกดฝักเบรค เพื่อไปกดจานดรัมเบรก ทำให้เกิดแรงเสียดทานระหว่างผ้าเบรคของฝักเบรคกับจานเบรค
3. ฝักเบรคและผ้าเบรค ฝักเบรคปกติทำด้วยแผ่นเหล็กกล้า ผิวด้านนอกจะมีผ้าเบรคติดอยู่ ผ้าเบรคต้องมีความททนทานต่อความร้อนและการสึกหรอ และต้องมีค่าสัมประสิทธิ์ความเสียดทานสูง ซึ่งค่านี้ต้องไม่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้น ซึ่งอาจเกิดได้กับผ้าเบรกที่ทำจากโลหะไฟเบอร์ผสมทองเหลือง ตะกั่วพลาสติก และขึ้นรูปภายใต้ความร้อน
4. จานดรัมเบรก จะทำด้วยเหล็หล่อ หมุนไปพร้อมกับล้อเมื่อเหยียบเบรก ผ้าเบรกจะสัมผัสกับด้านในของจานดรัมเบรกทำให้เกิดความร้อน มีอุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 300 องศาเซลเซียส
ขอบคุณ :
www.thaicrazycar.com/