ผมเป็นเซลส์ที่นี่
http://viperalarm.blogspot.com/ เข้ามาตอบคำถามครับ
1. ผมถือว่าลูกค้าคือคนสำคัญสำหรับผม ผมมีเบอร์ลูกค้าทุกคน ถ้าผมมีข้อมูลว่าใครสงสัยอะไร ผมก็จะโทรไปอธิบายเพิ่มเติม หรือถ้าใครสงสัยอะไรก็จะโทรมาถามผมที่เบอร์นี้ 089-133-7276 ถ้าไม่โทรถามผมแต่จะคุยทางเว็บบอร์ด เรื่องราวก็จะคลาดเคลื่อนครับ แล้วตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าคุณคือลูกค้าคนไหน จะได้โทรไปคุย ถ้าสะดวกจะทิ้งเบอร์ไว้ที่นี่ก็ได้ครับ ผมจะโทรไปคุยครับ
2. เรื่องการพูดคุย ต้องแยกว่าเรื่องข้อมูลสินค้าให้คุยกับเซลส์ เรื่องข้อมูลวิธีการติดตั้งให้คุยกับช่างติดตั้ง
3. เรื่องสตาร์ทรถด้วยรีโมท ปกติแล้ววิธีการติดตั้งจะเหมือนกันหมดไม่ว่าจะเป็นรถยี่ห้อไหน รุ่นไหน ,การติดตั้งว่ารถสายไหนเป็นสายไหนจึงไม่ใช่ปัญหา ,ส่วนเรื่องที่ผมบอกว่า viper ทุกรุ่นติดสตาร์ทเพิ่มได้ ให้เพิ่มกล่องสตาร์ท VIPER VALET START 8,800 บาท(ของมีไม่มาก ไม่รวมอุปกรณ์อิมโมบายพาส) ผมก็ยังยืนยันคำตอบเดิม ผมตอบให้แล้วในข้อ 2 คือ ข้อมูลสินค้าให้ถามผม ข้อมูลวิธีการติดตั้งถ้าต้องการรู้ให้ถามช่าง ซึ่งช่างติดตั้งก็มีหลายคน แต่ผมคืนคนที่ให้ข้อมูลกับแต่ละทีม สำหรับการติดรีโมทสตาร์ทกับรถที่มีระบบอิมโม ต้องมีอุปกรณ์อิมโมบายพาส, ทาง viper ให้ดูข้อมูลใน
http://www.xpresskit.com/ ว่ารถแต่ละรุ่นต้องใช้อุปกรณ์อิมโมบายพาสตัวไหน แต่สำหรับรถ ISUZU ไม่มีข้อมูลในเว็บนี้ แต่ผมก็มีข้อมูลว่าจะทดลองบายพาสด้วยวิธีการอื่น
4. เรื่องการใส่เรด้าห์จับความเคลื่อนไหว จะเป็นการเพิ่มเงื่อนไขในการให้กันขโมยร้องเตือน ใครจะใส่เรด้าห์เพิ่มก็ต้องทราบเงื่อนไขนี้ ผมจะบอกลูกค้าว่า ทางโรงงานจะปรับให้มีคลื่นเรด้าห์ที่ทำงานในรถ ถ้ามีวัตถุไปโดน ไซเรนจะร้องลั่น ส่วนคลื่นนอกรถ จากการทดลอง ถ้ารถไม่มีฟิล์มกรองแสง หรือทดลองเปิดกระจกรถ ก็จะมีคลื่นนอกรถ ถ้าวัตถุไปโดนคลื่นนอกรถ ไซเรนจะแค่ ร้องเตือนป๊อกๆๆ ,ผมจะใส่สวิทช์ปิด-เปิดคลื่นนอกรถให้ด้วย ถ้าฝนตกก็ให้ปิดคลื่นนอกรถ ถ้าไม่ปิดตอนฝนตกไซเรนจะร้องเตือนป๊อกๆๆๆ เพราะฝนก็เป็นวัตถุที่ไปโดนคลื่นนอกรถได้ ,ส่วนคลื่นในรถ ถ้ายื่นมือเข้าไปในรถ ไซเรนจะร้องลั่น แต่ถ้าปรับค่าให้เปลี่ยนไปจากที่โรงงานปรับมา เช่นปรับให้คลื่นในรถล้ำออกมานอกรถ ถ้ามีวัตถุไปโดนคลื่น ไซเรนก็จะร้องลั่นได้ ซึ่งจะเป็นการปรับที่ผิดวิธี ส่วนรถที่มีฟิล์มกรองแสง พบว่าฟิล์มกรองแสงในเมืองไทยมีหลายยี่ห้อ หลายรุ่น มีคุณสมบัติต่างกันไป บางรุ่นเรด้าห์ก็ผ่านออกนอกรถได้ บางรุ่นเรด้าห์ก็ผ่านออกไปไม่ได้ ผมให้ลูกค้าทดลองใส่ได้ครับ ถ้าทดลองใส่แล้วคลื่นเรด้าห์นอกรถไม่สามารถผ่านฟิล์มออกมาได้ ลูกค้าจะไม่ใส่เรด้าห์ก็ได้ครับ เรื่องสำคัญคือ” ถ้าลูกค้าจะทดลองคลื่นเรด้าห์ให้รถร้อง ควรมีข้อมูลที่แน่นอนก่อนทดลอง ถ้าไม่แน่ใจให้โทรคุยกับผม เพราะข้อมูลบางอย่างผมเห็นว่าไม่ควรเปิดเผยมาก”ครับ
5. เรื่องที่ว่า “ร่มๆ ก็จับไม่ค่อยได้.. กลางแจ้งแดดแรงๆ ก็จับไวเกิน มั่ว ไม่มีอะไรผ่าน เงาเมฆผ่านก็ร้อง” ก่อนอื่นอย่าลืมที่ผมบอกว่า ” ถ้าลูกค้าจะทดลองคลื่นเรด้าห์ให้รถร้อง ควรมีข้อมูลที่แน่นอนก่อนทดลอง ถ้าไม่แน่ใจให้โทรคุยกับผม เพราะข้อมูลบางอย่างผมเห็นว่าไม่ควรเปิดเผยมาก” ถ้ามั่นใจข้อมูลตรงนี้แล้ว, ต่อไปก็ต้องดูว่าได้ปรับรัศมีของคลื่นตามที่ผมบอกหรือเปล่า คือคลื่นในรถก็ต้องปรับให้อยู่ในรถ อย่าให้ช่างปรับแรงเกินไปจนคลื่นในรถออกไปอยู่นอกรถ ถ้าปรับอย่างนั้นแล้วถ้ามีวัตถุไปโดนคลื่น ไซเรนก็จะร้องลั่นได้ ,ตอนปรับคลื่น ก็ต้องดูข้อมูลของรถแต่ละคัน ว่ามีการติดฟิล์มด้านหน้ารถหรือไม่อย่างไร เวลาลองก็ให้ลองคลื่นที่กระจกหน้ารถด้านนอกด้วย, พอปรับได้ลงตัวแล้ว ก็มาดูที่คุณบอกว่า “กลางแจ้งแดดแรงๆ ก็จับไวเกิน มั่ว ไม่มีอะไรผ่าน เงาเมฆผ่านก็ร้อง” ก็ต้องดูว่าไซเรนร้องแบบไหน
5.1 ถ้าร้องไซเรนร้องเตือน ป๊อกๆๆ ก็ต้องดูว่ามันร้องเพราะเซ็นเซอร์ตัวไหน ระหว่าง ช็อคเซ็นเซอร์จับการสั่นสะเทือน กับเรด้าห์เซ็นเซอร์จับความเคลื่อนไหว,รีโมท viper แบบ 4 ปุ่ม จะปิดเซ็นเซอร์ได้, ก็ให้ทดลองปิดเซ็นเซอร์ทีละตัว เช่น กดล็อคครั้งที่ 1 ให้เซ็นเซอร์ทุกตัวทำงาน มีเสียงไซเรน, พอได้ยินเสียงไซเรน ให้กดล็อคครั้งที่ 2 เฉพาะช็อคเซ็นเซอร์จะหยุดทำงาน ,กดล็อคครั้งที่ 3 เฉพาะเรด้าห์เซ็นเซอร์จะหยุดทำงาน ,ถ้ากดปลดล็อคก็จะยกเลิกคำสั่งเหล่านี้ ,ลองปิดเซ็นเซอร์ทีละตัว แล้วดูว่ารถร้องเพราะเซ็นเซอร์ตัวไหน ก็จะต้องปรับที่เซ็นเซอร์ตัวนั้น ,ถ้ารถร้องที่ช็อคเซ็นเซอร์ ก็จะต้องปรับให้มันแข็งอีกหน่อย แต่ปกติถ้าปรับไว้ระดับกลางมันจะทำงานได้ดีอยู่แล้ว ,แต่ถ้ารถร้องเพราะเรด้าห์ ก็แสดงว่าคลื่นเรด้าห์วงนอกรถมันทำงานแล้ว มันอาจจะถูกปรับแรงๆมากๆจนคลื่นออกไปนอกรถเป็นเมตร พอมีวัตถุเคลื่อนที่ผ่านไปโดนคลื่นข้างรถ ไซเรนก็จะร้องเตือน ป๊อกๆๆ
5.2 ถ้าไซเรนร้องลั่น ต้องดูว่ามันร้องเพราะเซ็นเซอร์ตัวไหน พอรถร้องให้กดปลดล็อค แล้วเปิดประตูรถดูว่าไฟ LED สีน้ำเงินกระพริบกี่ครั้ง คือ 1 ครั้ง ฝากระโปรงหน้า(หลัง ด้วยถ้าเป็นรถเก๋ง)ถูกเปิด, 2 ครั้ง ช็อคเซ็นเซอร์ทำงาน , 3 ครั้ง ประตูรถถูกเปิด ,4 ครั้ง เรด้าห์เซ็นเซอร์ทำงาน , 5 ครั้งถูกต่อสายตรง หรือมีการไขกุญแจ ON , ถ้าไฟกระพริบ 2 ครั้ง ช็อคเซ็นเซอร์ทำงาน ,ถ้ากระพริบ 4 ครั้ง ค่อยสรุปว่าเรด้าห์ทำงาน ,ถ้าเรด้าห์ทำงาน ก็ต้องดูว่ามีอะไรเคลื่อนไหวในรถมั้ย เช่นแขวนอะไรไว้ พอรถคันใหญ่วิ่งผ่านแล้ววัตถุที่แขวนไว้มันแกว่งไปมา,หรือมีสิ่งมีชีวิตอะไรเคลื่อนไหวในรถมั้ย เพราะเรด้าห์จะทำงาน ไซเรนก็ร้อง,ผมกำลังคิดว่า บางทีเราพบว่ายังไม่สามารถแก้ไขเรื่องการเคลื่อนไหวของบางสิ่งในรถได้ในขณะนั้น ผมอาจจะใส่สวิทช์ตัดคลื่นวงในรถไว้เปิด-ปิดคลื่นในรถ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า (ถ้าล็อครถแล้วกันขโมยทำงานปกติ ไฟ LED จะกระพริบติด-ดับต่อเนื่องกัน,ถ้ารถถูกเปิดฝากระโปรงหน้า-หลัง ไซเรนร้อง ไฟ LED จะกระพริบติด-ดับ แล้วเว้นช่วง ติด-ดับ ถ้าอย่างนี้คือกระพริบ 1 ครั้ง ,ถ้ารถถูกบุกรุกหลายช่องทาง ไฟ LED จะกระพริบแบบผสมกัน เช่นรถคันนี้ถ้าถูกขโมยงัดเปิดประตูเข้าไป ไฟ LED จะกระพริบ 3 ครั้ง สลับกับ 4 ครั้ง คือประตูถูกเปิด กับมีตัวของขโมยไปโดนคลื่นเรด้าห์)
6. เรื่องยี่ห้อของกันขโมย ผมบอกว่าขายเฉพาะของบริษัท Directed Electronics, Inc. มีหลายยี่ห้อ แต่ทุกยี่ห้อคือกันขโมยตัวเดียวกัน ส่วนของบริษัทอื่นผมไม่ได้ขาย
7. เรื่องปุ่ม AUX
7.1 กดล็อค หรือปลดล็อค ไม่ให้มีเสียง, ให้กด AUX ก่อน แล้วค่อยกดปุ่มล็อค หรือปลดล็อค ถ้ากดแบบนี้ จะเป็นการสั่งปิดเสียงร้องเตือน ป๊อกๆๆ ไปด้วย จนกว่าจะมีการปลดล็อค แล้วล็อคใหม่
7.2 ถ้ามีการติดตั้งอุปกรณ์อื่นที่สั่งงานด้วยรีโมท เช่นติดมอเตอร์เปิดฝากระโปงท้ายรถ ก็ใช้ปุ่ม AUX กดเพื่อให้ฝากระโปรงท้ายเปิด หรือติดกล่องสตาร์ทรถด้วยรีโมท ก็กดปุ่ม AUX เพื่อสตาร์ทรถด้วยรีโมท
อย่างที่บอกครับ ถ้าอธิบายทางเว็บบอร์ดแล้วเรื่องมันยาว โทรคุยสะดวกกว่า
มีลูกค้าโทรคุยกับผมบ่อยครับ แล้วลูกค้าก็จะอยู่ที่รถ กดรีโมทตามที่ผมบอก ทั้งไฟ LED ทั้งเสียงไซเรนมันจะบอกผู้ใช้ว่ามันทำอะไรอยู่ แล้วข้อสงสัยของลูกค้าก็จะหายไป ขอบคุณครับ